1. ยาสเตียรอยด์ เป็นยาที่ใช้สำหรับลดการอักเสบ ปวดบวม แดงร้อน ให้ใช้ในระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้ผื่นแดงหรือคันหายเร็ว
ไม่ให้ใช้ในระยะเวลานาน เพราะจะกดภูมิคุ้มกัน ส่วนยาปฏิชีวนะเป็นยาฆ่าเชื้อโรคใช้ฆ่าเชื้อโดยตรงค่ะ
2. ไม่มียาสเตียรอยด์ในนี้ค่ะ , ส่วนยาปฏิชีวนะเป็นยาแคปซูลสีแดงที่คุณทานอยู่ค่ะ
3. ยาฉีด เป็นกลุ่มยาสเตียรอยด์ ช่วยลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ไม่ควรทำบ่อยๆ ถ้าฉีดมากเกินไปจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงยุบตัวลง ทำให้เป็นรอยบุ๋ม แต่ก็มีระยะเวลาหายต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าเนื้อเยื่อจะกลับมาเป็นปกติ
4. ยาคุมเป็นฮอร์โมน ไม่ใช่สารทั้งสองที่คุณกล่าวมา ถ้าคุณต้องการคุมกำเนิด ยาคุมก็จะมีฮอร์โมนบางชนิดที่ช่วยลดสิวได้ แต่ไม่ควรใช้เป็นยาหลักในการรักษาสิว แต่ถ้าไม่ต้องการคุมกำเนิดก็ไม่ควรทาน เพราะทำให้เร่งการเกิดมะเร็งบางชนิดที่ไวต่อฮอร์โมน และทำให้โรคบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ ความดันโลหิตสูงเป็นมากขึ้น
การกินโรแอคคิวเทนจะเป็นกรดวิตมินเอ ทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง สิวใหม่ๆ น้อยลง แต่มีผลข้างเคียงทำให้ปากคอแห้ง ตาแห้ง หน้าแห้งลง ไม่ได้ใช้รักษาสิวทุกราย ใช้เฉพาะรายที่เป็นสิวอัก
เสบรุนแรง การใช้ยากิน ยาทา ปกติไม่ได้ผล
5. ยาทาที่คุณใช้บางอย่างไวแสง เช่น VAC ใช้เฉพาะบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน และให้ใช้วันละ 1 ครั้ง ก่อนล้างหน้าตอนเย็น ส่วน SL ให้ใช้แต้มรอยดำก่อนนอน ตอนกลางวันคุณควรทาครีมกันแดดปกติค่ะ
6. เมื่อคุณรับประทานยาคุม คุณต้องทำใจไว้เลยว่าจะมีโอกาสขึ้นฝ้า เพระฮอร์โมนในยาคุมทำให้เกิดฝ้าได้ การใช้ครีมกันแดดไม่ได้ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า แต่จะชะลอการดำขึ้นของฝ้ามิให้แสดงออกมารวดเร็วมากนักค่ะ