มาวิเคราะห์ปัญหาผิวของคุณให้ลึกลงไปอีกนิด ว่าคุณมีผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำกันแน่ เพื่อการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

สาวๆ หลายคนมีปัญหาผิวหยาบ ลอก เป็นขุย ก็ไปสรรหามอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นมาทา เพื่อหวังผลให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ทาไปสักระยะผิวที่แห้งไม่ดีขึ้น แต่กลับแย่กว่าเดิม เคยสงสัยไหม ว่าเป็นเพราะอะไร !!??
 

ผิวแห้ง VS ผิวขาดน้ำ

เริ่มจากมาดูความแตกต่างระหว่างผิวแห้งกับผิวขาดน้ำกันก่อน

ผิวแห้ง (Dry Skin)  
ผิวแห้งเป็นประเภท (Skin Type) ของผิวในแต่ละคน โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะทางพันธุกรรมของคนนั้นๆ ผิวชนิดนี้จะมีรูขุมขนค่อนข้างเล็ก และต่อมไขมันน้อย หรือขนาดเล็ก ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาได้น้อย มักจะมีลักษณะผิวแห้งเหมือนกันทั้งหน้า
ข้อดี คือ ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเท่าไหร่นัก แต่ข้อเสีย ผิวจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย หรือพูดง่ายๆ ว่าผิวดูแก่เร็วกว่าผิวชนิดอื่นๆ

ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin)
ผิวขาดน้ำเป็นปัญหาของผิวที่อาจจะเกิดขึ้นมาในช่วงใดช่วงหนึ่ง ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกประเภทผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ก็สามารถเกิดปัญหาผิวขาดน้ำได้ สาเหตุอาจเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น แดด ฝุ่น ควัน มลพิษ อากาศที่แห้งมากๆ รวมไปถึงพฤติกรรมของตัวคุณเอง เช่น ดื่มน้ำน้อย ชอบล้างหน้าอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นน้ำร้อน ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมรุนแรงเกินไป ซึ่งอาจจะไปทำลายชั้นไขมันที่ชั้นหนังกำพร้า ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว ทำให้ผิวเกิดการขาดน้ำ

ลักษณะของผิวขาดน้ำที่สังเกตุได้ชัดเจนว่าแตกต่างจากผิวแห้ง คือ ผิวจะเหมือนมีน้ำมันเคลือบอยู่ ซึ่งเกิดจากผิวพยายามที่จะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป ทำให้หน้ามันมากกว่าปกติ แต่ถ้าสังเกตุดูใกล้ๆ จะพบว่าใต้ผิวแห้ง (บางคนชอบบ่นว่าผิวแห้งๆ มันๆ) ผิวเป็นริ้วๆ มีริ้วรอยง่าย และสัมผัสหยาบกระด้าง ไม่อ่อนนุ่ม แม้จะมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่ก็ตาม

แล้วมีวิธีการดูแลอย่างไร?

อ่อนโยนกับผิวแห้ง
เนื่องจากผิวแห้งมีปริมาณไขมันที่เคลือบอยู่บนผิวน้อยมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าจึงสำคัญ เลือกที่เป็นสูตรอ่อนโยนกับผิว และสัมผัสผิวหน้าอย่างเบามือ 
หลังล้างหน้าควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทันทีด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ จะเป็นสูตรเข้มข้นมากน้อยก็ควรเลือกให้เหมาะกับระดับความแห้งของผิวคุณ 
ในกรณีที่มีปัญหาผิวระคายเคืองร่วมด้วย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนปัญหาจะลุกลาม

คืนสมดุลให้กับผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำเกิดจากการที่โครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าเสียหาย ทำให้ระบบกักเก็บน้ำในผิวสูญเสียความสมดุล วิธีการดูแลผิวจึงต้องเริ่มจากการเลี่ยงปัญจัยที่ทำให้เกิดเสียก่อน
แต่ละคนก็มีสาเหตุแตกต่างกันออกไป เช่น เลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน มลพิษ เลี่ยงแดด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดื่มน้ำ และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวขาดน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณที่น้อย เพื่อลดการเกิดสิวอุดตัน
เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น สมดุลผิวคืนกลับสู่สภาพปรกติ อาการผิวขาดน้ำก็จะหายไปได้
 

ปัญหาผิวไหนๆ ถ้าคุณเริ่มเข้าใจ และวิเคราะห์ถึงสาเหตุต้นตอของปัญหา ก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก

หากมีปัญหาผิวพรรณไม่สดใส สามารถแวะเข้ามาที่ราชเทวีคลินิก เพื่อปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ รวมไปถึงวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมตามสภาพผิวแต่ละบุคคล


เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง

• Triple S Test สวยจริงต้องพิสูจน์ได้ ผิวคุณอยู่ระดับไหนใน 5 อันดับ
• ทรีมเมนท์เสริมการรักษา
• ผลิตภัณฑ์ปกป้องและบำรุงผิว