อัพหน้าแบบไร้รอยแผลที่ Modiface Center
วันที่ 21 ก.ย. 2561
| โดย
Niyadaju
เราเป็นเซลล์ ที่อายุจะ 30 ในปีนี้แหล่ะ ก่อนนี้ไม่เคยทำอะไรกับหน้าเลย เพราะกลัวเข็มและหน้ายังไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้คิดว่าถึงเวลา เพราะตีนกาเริ่มมา ร่องแก้มเริ่มมี กรามเริ่มห้อย เราเลยเริ่มคิดที่จะดูแลตัวเองเพื่อบุคลิกภาพ ไม่ได้อยากสวยอะไรนะ แค่อยากดูดี น่าคุย น่ามอง และคงความอ่อนเยาว์เท่านั้นแหล่ะ เริ่มต้นเราก็หาข้อมูลในเน็ต อย่างคนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่อะไร
เห็นช่วงก่อนนี้ bloger หลายคน รีวิวเครื่องจำลองหน้า 3D stimulate ที่ ModiFace Center ราชเทวีคลินิก เพลินจิต ที่สามารถจำลองทั้งศีรษะของเราออกมาแบบ 3 มิติ เห็นทุกมุมทุกปัญหา และมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการดีไซน์ใบหน้า ช่วยวิเคราะห์ปัญหา และแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม โดยเน้นความเป็นธรรมชาติ อืมมมม.. น่าสนใจ เราก็เลยโทรไปนัดคิว ขอคิวยากมาก คุณหมอคิวเยอะมากๆ เรารอเกือบเดือน สุดท้ายก็ได้พบค่ะ
คุณหมอที่ประจำศูนย์นี้ มี 2 คน ชื่อคุณหมอน้อง และคุณหมอต่อ ดูแลคนไข้คู่กันทุกเคส (เราคนเดียว มีหมอประกบ 2 คน แปลกมาก เพิ่งเคยเจอ)
คุณหมอเล่าว่า การดีไซน์ใบหน้าเป็นศาสตร์ขั้นสูง ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้าน anatomy และใช้เทคโนโลยีจำลองหน้าขั้นสูง ผสมผสานกัน การมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้ง 2 คนดูแลพร้อมกัน จะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งคุณหมอต่อชำนาญเรื่องโครงสร้างใบหน้า ตั้งแต่กะโหลก จนถึงกล้ามเนื้อ และผิวหนังทุกชั้น ส่วนคุณหมอน้องเชี่ยวชาญเรื่องการปรับแต่งรูปหน้าให้รับกับบุคลิก การใช้เทคนิคชั้นสูง และการเลือกใช้สารที่เหมาะสม ซึ่งคุณหมอแจ้งว่า ที่นี่ไม่มีการผ่าตัด เน้นปรับรูปหน้าแบบ minimal invasive เพื่อความสวยที่เป็นธรรมชาติที่สุด
ก่อนอื่น คุณหมอก็ถามเราว่า อยากปรับเปลี่ยนตรงไหน เราก็บอกยังไม่รู้เลยค่ะ แค่ช่วงนี้รู้สึกหน้าตาไม่สดใสเหมือนสาวๆ อยากกลับไปดูดีอีกครั้ง ให้คุณหมอช่วยแนะนำหน่อย
คุณหมอก็ถามว่า งั้นมาดูปัญหาที่เรามีก่อนเนาะ จะได้แก้ไขให้ตรงจุด จากนั้นคุณหมอก็แนะนำให้เข้าเครื่อง 3D Stimulate ที่สามารถจำลองใบหน้าได้ลึกถึงโครงสร้าง จะช่วยให้หมอและคนไข้ เห็นปัญหาในจุดเดียวกันได้ เราก็ตกลงเลย เพราะอยากทำอยู่แล้ว
คุณหมอก็ให้ผู้ช่วยก็มาเก็บผมให้เรา แล้วให้เรานั่งหน้าเครื่องเลย เครื่อง 3D เป็นกล้อง 3 ตัว พอเราเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่จัดไว้ แล้วผู้ช่วยจะกดถ่าย 2 แชะ ก็เสร็จแล้ว รูปจะถูกส่งเข้าโปรแกรม เพื่อค่อยๆ จำลองหน้าเราออกมา ละเอียดมาก เม็ดเล็กๆ จะลอยขึ้นจากขอบจอไปเรียงๆ กันทีละชั้นๆ จนกลายเป็นหน้าเรา ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที เหมือนเป๊ะเลยค่ะ
จากนั้นคุณหมอต่อ จะนำเครื่องมือมาวัดสัดส่วน Golden Ratio และวิเคราะห์จากรูปจำลองว่า ปัญหาของเราคืออะไร
ซึ่งจากการดูโครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อใบหน้า และไขมันใต้ผิว พบว่า
- กระดูกเหนือโหนกคิ้วยุบ ทำให้หน้าผากบุบ
- หนังตาหย่อนคล่อย ทำให้ตาเหมือนง่วงนอน
- ไขมันชั้นลึกในช่วง mid face หายไป ทำให้แก้มตก
- กล้ามเนื้อคางเกร็งหดตัว จึงดึงคางให้ดูสั้น
- ไขมันสะสมรอบกรอบหน้า ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด
เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาแล้ว คุณหมอน้องก็จะมาแนะนำวิธีการรักษา ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลเซอร์ ฟีลเลอร์ ร้อยไหม และโบท็อกซ์ อันไหนที่คนไข้ ok ก็เลือกทำวิธีนั้น คุณหมอไม่ยัดเยียด เพราะมีตัวเลือกให้ ดีมากเลยค่ะ
ซึ่งวิธีรักษาที่เราตกลงกับคุณหมอ คือ
- กระดูกโหนกคิ้ว เติมฟีลเลอร์
- หนังตาตก ฉีดโบท็อกซ์ ร่วมกับ Plasma Laser
- ไขมันชั้นลึก เติมฟีลเลอร์ ร่วมกับทำ Sygmalift Hifu
- กล้ามเนื้อคาง ฉีดโบท็อกซ์ 2 จุด
- ไขมันสะสมรอบกรอบหน้า ฉีดแฟต ร่วมกับ Plasma Laser
ซึ่งคุณหมออธิบายว่า ที่ต้องทำหลายอย่าง เพราะใบหน้าของคนเรานั้น ทุกส่วนเชื่อมโยงกันหมด ทั้งชั้นไขมัน ทั้งกล้ามเนื้อ และโครงสร้างต่างๆ การเติมบางจุดที่นิยมทำกัน เช่น เสริมคาง ทำตา หรือทำจมูก จึงแค่ทำให้หน้าเปลี่ยน แต่ไม่ได้ทำให้หน้าดูดีขึ้น สวยขึ้น หรือ Positive ขึ้น
การจะทำให้หน้าดูดีขึ้น ต้องมีความลงตัว และกลมกลืนของสัดส่วนใบหน้าด้วย ซึ่งวิธีรักษาที่ไม่แนะนำไปทั้งหมด คุณหมอก็ไม่ได้ให้ทำทุกอย่างในทีเดียวนะคะ ให้ค่อยๆ ทำไป เพราะหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยน จนบางอย่างอาจไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ
แล้วคุณหมอก็จะจำลองหน้าที่ทำเสร็จแล้วออกมาให้ดูก่อนค่ะ ว่าพอใจมั้ย? ถ้าไม่พอใจก็ปรับอีกค่ะ แต่บางอย่างถ้าเราอยากทำมากไป แต่จะไม่สวย หรือมีผลข้างเคียง คุณหมอก็จะแจ้งตรงๆ ว่า ไม่ควรทำนะ ซึ่งตรงนี้ดีมากๆๆ เพราะคนทั่วไปไม่มีความรู้ในจุดนี้ คิดว่าทำเยอะๆ ไปเลยจะดี แต่กลับไม่ใช่ ทำออกมาแล้วแปลก ก็ต้องไปแก้ เจ็บตัวซ้ำ แล้วยังเสียเงินเพิ่มอีก ซึ่งการที่ได้ดูรูปก่อนทำจริง ลดความเสี่ยงของความผิดพลาดลงเยอะเลยค่ะ
ปรับกันไปมา จนสุดท้ายได้ความพอใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งคนไข้ และคุณหมอ จึงค่อยลงมือทำค่ะ ส่วนตัวเราวันนี้ ฉีดโบท็อกซ์คาง 2 เข็ม กับฉีดลดแฟตที่กรอบหน้าก่อน จุดอื่นยังไม่ได้ทำค่ะ (รูปตอนฉีดไม่มีนะคะ หมอไม่อนุญาตให้เพื่อนเข้าไปถ่ายค่ะ เพราะจะรบกวนคนไข้ท่านอื่นๆ)
ตอนฉีดไม่เจ็บเลยนะคะ เพราะยาชาดีมากค่ะ ต้องทาไว้ก่อน 30 นาที แล้วถึงฉีดค่ะ ยาชาดีสุดๆ ชายาว 2-3 ชม เลยค่ะ
ถ้าใครอยากปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นแบบธรรมชาติ โดยไม่มีแผลเย็บ หรืออยากสวยขึ้น แต่ไม่รู้ว่า ตัวเองมีปัญหาอะไร ต้องแก้อะไร ตรงไหน หรือด้วยวิธีอะไรถึงจะดีที่สุด แนะนำที่นี่เลยค่ะ คุณหมอมีความเชี่ยวชาญมาก พร้อมให้คำปรึกษา และแนะนำวิธีรักษาให้หลายทางเลือกมากๆ รวมถึงบอกข้อดี และข้อเสียแต่ละวิธีให้ทราบด้วยค่ะ
ซึ่งถ้าปรึกษาแล้วยังไม่รักษาเลย จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับใช้งานเครื่อง 3D 5,000 บาทนะคะ แต่ถ้ารักษาเลย ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งานเครื่อง 3D ค่า
ขอจบรีวิวแบบเล่าละเอียดยิบเพียงเท่านี้นะคะ
Cr. คุณ niyadaju