peeling
คุณหมอครับผมมีคำถามสี่ข้อ รบกวนคุณหมอช่วยกรุณาตอบคำถามแยกข้อนะครับ...

คุณหมอครับผมเคยทำ chemical peeling ที่คลีนิคผิวหนังแห่งหนึ่ง ตอนนั้นผมอายุสิบสี่ปี แต่โกหกคุณหมอไปว่าอายุยี่สิบปี และเนื่องจากตอนนั้นอยากเห็นผลเร็วจึงบอกคุณหมอไปว่าขอทำ chemical peeling แบบแรงที่สุด หลังจากทำไปตอนนั้นหน้าปรากฏว่าหน้าไหม้ แดงลอก และแสบมากๆๆ หลังจากนั้นก็ไม่เคยทำ chemical peeling อีกเลย

จากตอนนั้นมาตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว อยากทราบว่า...

1. การทำ chemical peeling ของผมในครั้งนั้นจะมีส่วนส่งผลให้ผิวหน้าในปัจจุบันหรืออนาคตของผมบางกว่าที่ควรจะเป็น (คือบางกว่าความหนาของผิวหน้าของผมที่มันควรจะเป็น ถ้าผมไม่เคยทำ chemical peeling ในครั้งนั้น) มั้ยครับ
2. การทำ chemical peeling ในครั้งนั้นจะมีส่วนส่งผลเสียในระยะยาวต่อผิวหน้าของผมมั้ยครับ
3. ผลิตภัณฑ์ และยา (ทั้งที่คุณหมอในคลินิคผิวหนังที่ถูกกฎหมายสั่งให้ และที่มีขายตามแหล่งที่น่าเชื่อถือ) อาจทำให้ระคายเคืองหรือแพ้ได้แต่ไม่สามารถทำให้ผิวหนังบางลงได้ (ถึงแม้จะใช้บ่อยและถี่เกินไป และใช้แต่ละครั้งในปริมาณที่มากเกินไป และใช้แต่ละครั้งในบริเวณที่ผิวหนังบอบบางเกินไป เช่น ร่องตรงหางตา และใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป และถึงแม้ยาและผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยสารที่ทำให้ระคายเคืองได้ เช่น เอเอชเอ บีเอชเอ วิตามินเอ เรตินอล ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป) ใช่มั้ยครับ
ป.ล. คือ ตามความเข้าใจของผม สารที่ทำให้ระคายเคืองที่เป็นส่วนผสมในยาและผลิตภัณฑ์ที่กล่าวถึง น่าจะถูกกำหนดให้ไม่เข้มข้นมากพอที่จะทำให้ผิวหนังบางลงได้ แต่ทว่าอาจทำให้ระคายเคืองหรือแพ้ได้แค่นั้น
4. ในกรณีที่หน้าบางจากพฤติกรรมในข้อสามและchemical peeling ดังที่กล่าวในข้างต้น ถ้าเราหยุดพฤติกรรมดังกล่าวซักสามเดือน จะทำให้ผิวหน้าที่บางลงกลับมามีความหนาเหมือนเดิมและหนาดังที่มันควรจะเป็น (คือ หนาเท่ากับความหนาของผิวหน้าของผมที่มันควรจะเป็นถ้าผมไม่เคยทำ chemical peeling และไม่เคยทำพฤติกรรมในข้อสาม) ได้มั้ยครับ
ขอบคุณครับ
คำถามที่:Q9477| จากคุณAnonymous| 23/02/2552 07:56 น.
ตอบข้อที่ 1
การทำ chemical peeling ของคุณในครั้งนั้นมีผลทำให้ผิวหน้าในปัจจุบันหรืออนาคตของคุณบางกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ

ตอบข้อที่ 2

การทำ chemical peeling ที่อยู่ในความดูแลของแพทย์จะเป็นผลดีต่อผิวมากกว่าผลเสียค่ะ และจากที่คุณเล่ามาเคยทำ chemical peeling ครั้งนั้นครั้งเดียวหมอคิดว่าการทำ chemical peeling ในครั้งนั้นของคุณไม่มีส่วนส่งผลเสียในระยะยาวต่อผิวหน้าของคุณค่ะ

ตอบข้อที่ 3

ผลิตภัณฑ์และยาที่มีส่วนประกอบของ AHA , BHA และกรดวิตามิน เอ สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ค่ะ หากใช้ไม่ถูกต้อง และเนื่องจากยาในกลุ่มนี้มีผลผลัดเซลล์ผิวหน้าชั้นบนๆ ของผิวหนังของเรา การใช้ในแต่ละครั้งจึงควรพิจารณาถึงความเข้มข้น บริเวณหรือตำแหน่งที่ใช้ด้วยนะคะ หากใช้ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวได้ค่ะ เช่น ผิวหนังแห้งลอก, ระคายเคือง และอาจก่อให้เกิดผิวไวต่อแสงแดดได้ค่ะ (ความหมายของผิวบางตามความเข้าใจของหมอที่คุณหมายถึงคือผิวไวต่อแสงแดดน่ะค่ะ)

ตอบข้อที่4

หมอขอทำความเข้าใจเรื่องโครงสร้างของผิวหนังคนเราก่อนนะคะ ปกติผิวหนังเราประกอบด้วย ชั้นหนังแท้ (dermis) และชั้นหนังกำพร้า (epidermis) ซึ่งโดยปกติผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุก 28 วัน โดยมีการเคลื่อนตัวของเซลล์ผิวหนังจากชั้นล่างทดแทนชั้นบนขึ้นไป และหลุดไปค่ะ ดังนั้นการทำ chemical peeling จึงเป็นการ remove ชั้นผิวหนังออกโดยใช้สารเคมี ส่วนการ remove ชั้นผิวหนังจะลึกแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำ chemical peeling ประเภทใดค่ะ
โดยทั่วไปการทำ chemical peeling แบ่งเป็น superficial peeling, medium depth peeling และ deep peeling ค่ะ แต่หลักการก็เพื่อให้มีการสร้างผิวหนังขึ้นมาใหม่ทดแทนผิวหนังเก่าที่ถูก remove ออกไปค่ะ ดังนั้นการทำ chemical peeling รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA , BHA และกรดวิตามิน เอ ถ้าใช้ในความดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์หมอว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษนะคะ ถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลาเจน (collagen) และก่อให้เกิดผิวหนังใหม่ที่ดูสดใสกว่าเดิมค่ะ
เรื่องผิวหนังจะบางหรือไม่บางนั้น (หมอเข้าใจว่าหมายถึงผิวไวต่อแสงแดดนะคะ) ถ้าใช้สารดังกล่าวตามคำแนะนำของแพทย์ หมอว่าโอกาสเกิดผิวไวต่อแสงแดดคงน้อยมากค่ะ หมอแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ดูอีกทีนะคะ เพื่อตรวจดูผิวหน้าด้วยค่ะว่าเหมาะที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA , BHA หรือกรดวิตามิน เอ หรือไม่น่ะค่ะ
ตอบโดย:พญ. จรวยพร โรจน์สง่า| วันที่ 02/03/2552

จาก: 0 คน
VIEWS
9678