ยาทานแก้สิว
คือหาหมอที่ราชเทวีอยุ่แล้วไห้ยาเม็ดแคปซูลสีแดงมาทาน อยากทราบว่าเป็นยาอะไร และต้องทานอีกนานแค่ไหนคะ
คำถามที่:Q938| จากคุณpaphanin| 05/02/2549 17:03 น.
โดยทั่วไปการรักษาสิวนั้นใช้ยาทาเป็นหลัก แต่หากมีข้อบ่งชี้เช่นมีการอักเสบติดเชื้อ แพทย์ก็มักสั่งยารับประทานให้เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้นครับ
ยารับประทานเพื่อรักษาสิวนั้น แบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะ ( Antibiotics ) หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า "ยาแก้อักเสบ" รับประทานเพื่อลดหรือทำลายเชื้อโรคซึ่งก่อให้เกิดอาการสิวอักเสบ
- ยาลดการอักเสบ ( Anti-inflamation ) ใช้เพื่อลดอาการบวม แดง และปวด ในกรณีสิวอักเสบโดยไม่ได้ทำลายเชื้อโรค
- ยากลุ่มกรดวิตามินเอ ( Isotretinoin ) ใช้ในกลุ่มสิวอักเสบรุนแรงและดื้อต่อยาปฏิชีวนะ โดยปกติแล้วมีราคาแพงและอาจมีผลข้างเคียงมากกว่ายาชนิดอื่น แพทย์มักชี้แจงข้อบ่งชี้ให้ผู้ป่วยทราบ และให้ผู้ป่วยมีส่วนในการตัดสินใจว่าจะรับประทานยาดังกล่าวหรือไม่
โดยส่วนใหญ่แล้วประโยชน์ของการรับประทานยาก็เพื่อลดร่องรอยแผลเป็นที่เกิดจากการอักเสบของสิวนั่นเอง เพราะรอยแผลเป็นนั้นจะคงอยู่บนใบหน้าอีกเป็นเวลานาน ในบางครั้งหากแผลลึกและกว้างมากก็จะคงอยู่ชั่วชีวิต
ส่วนคำถามที่ถามว่าหากไม่รับประทานจะเป็นอะไรหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเองและสภาพการอักเสบของสิว หากสิวอักเสบเป็นหนองอย่างรุนแรงหรือเป็นทั่วหน้าไม่รับประทานยาเพื่อขจัดการอักเสบแล้ว ก็มักจะเกิดหลุมแผลเป็นเป็นบริเวณกว้างและลึกหลังจากสิวหาย
ในกรณีซึ่งอยากให้สิวหายเร็วขึ้นหรือตอบสนองต่อยาทาได้ไม่ดีก็ควรรับประทานยา ถ้าผู้ป่วยมีอาชีพซึ่งต้องใช้หน้าตาในการทำงาน เช่น ดารา หรือนางแบบแล้ว หมอว่าการรับประทานยาคงเป็นสิ่งจำเป็นมาก จริงไหมครับ
ส่วนระยะเวลาการรับประทานยานั้น หากเป็นยาปฏิชีวนะเรามักจะไม่รับประทานกันนาน เนื่องจากยาอาจไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ได้ ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับชนิดของยา ดังนั้น เมื่อหมดข้อบ่งชี้คือการอักเสบหายไป หมอก็จะหยุดยาครับ แต่ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอหากอยากได้ผลดีที่สุดจะต้องรับประทานให้ครบขนาดของยา ซึ่งโดยมากมักจะกินเวลาหลายเดือนโดยไม่มีผลต่อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ดังนั้นการพบแพทย์เป็นประจำระหว่างการรักษาจึงมีความจำเป็นเพื่อลดผลเสียของยาครับ
ส่วนยาเม็ดแคปซูลสีแดงที่คุณข้าวเหนียวถามมานั้น หมอว่าคงจะหมายถึงยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) นะครับ ต้องทานนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับอาการของสิว คราวหน้าที่คุณข้าวเหนียวไปพบแพทย์ที่ดูแลคุณอยู่ ให้ถามรายละเอียดกับคุณหมอได้เลยนะครับ หมอเชื่อว่าคุณหมอคงเต็มใจตอบข้อสงสัยของคุณข้าวเหนียวอย่างแน่นอนเลยครับ
ตอบโดย:นพ. ปณต เลาหะพันธุ์| วันที่ 14/02/2549

จาก: 0 คน
VIEWS
6749