วิตามิน E กับวิตามินจาก EPO
อยากถามคุณหมอว่าวิตามิน E กับ วิตามินจาก EPO จากดอกอิฟนิ่งพริมโรสเหมือนกันหรือไม่อย่างไร
ถ้าเป็นคนผิวหน้ามันมากควรทานหรือไม่ เพราะผิวตัวแห้งแต่ช่วงหน้ากับลำคอจะมัน ควรเลือกทานตัวใดดีกว่ากันหรือต้องทานทั้ง 2 ตัว และปริมาณเท่าไรกี่ mg. (ดิฉันน้ำหนัก 52 กก.)
คำถามที่:Q8451| จากคุณnutthareep| 20/09/2545 22:38 น.
EPO ( Evening Primrose Oils ) หรือเรียกว่าน้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส จะให้กรดไขมันจำเป็นในกลุ่มโอเมก้า 6 (Omega 6) คือ Linoleic Acid และ Gamma Linoleic Acid โดยจะให้ Linoleic Acid ในปริมาณที่สูง, ช่วยให้เส้นเลือดในระดับผิวหนังขยายตัว เลือดจึงไปหล่อเลี้ยงผิวหนังได้ดีขึ้น ทำให้สุขภาพของผิวดี เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลขึ้น, ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง, บรรเทาอาการแสบคันจากผิวหนังแตกแห้งค่ะ
ส่วน Vitamin E มีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ลดการเกิดไลโปฟุลซิน (Lipofuscin) ที่ทำให้เกิดกระที่ผิวหนังได้ ซึ่งไลโปฟุสซินเกิดจากปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นของไขมัน และวิตามิน อี จะไปยับยั้งปฏิกิริยาดังกล่าวได้, มีฤทธ์ช่วยเร่งให้ขบวนการสมานแผลในเซลล์ร่างกายเร็วขึ้น ลดการเกิดเนื้อเยื้อแผลเป็น (Keloid) ค่ะ
แต่จะเลือกทานวิตามิน อี หรือน้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรสก็แล้วแต่ความพึงพอใจส่วนบุคคลค่ะ ขนาดของการรับประทาน วิตามิน อี โดยทั่วไปจะทานอยู่ในช่วง 400 IU - 1,200 IU ส่วนของน้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรสจะอยู่ในช่วง 1,000 mg. - 1,200 mg. ต่อวันค่ะ
ตอบโดย:ราชเทวีคลินิก| วันที่ 21/09/2545

จาก: 0 คน
VIEWS
4374