โรคขนคุด คือ อาการที่ขนขึ้นมาแต่ไม่สามารถงอกพ้นผิวหนังขึ้นมาได้ ร่วมกับอาการหนาตัวของเซลล์รอบๆ รูขุมขน ทำให้รูขุมขนมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ แต่ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เว้นแต่ทำให้ลดทอนความสวยงามของผิวลงไป ปกติจะพบที่ต้นแขน ต้นขา หลัง มักสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ค่ะ

การรักษา มักใช้กลุ่มยาที่มีฤทธิ์เร่งการผลัดของเซลล์ เช่น กรดวิตามิน A , AHA เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาอย่างสม่ำเสมอเพราะไม่มีโอกาสหายขาดได้ค่ะ

ขนคุด KERATOPILLARIS หรือ KP จัดเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง พบมากบริเวณต้นแขนทั้ง 2 ข้าง เกิดจากความผิดปกติของท่อเปิดรูขุมขนที่คดงอ ไม่สามารถระบายสารไขมันและเซลล์หนังกำพร้าออกสู่ผิวภายนอกได้ จึง เกิดการอุดตันบริเวณท่อเปิดรูขุมขนดังกล่าว ส่งผลให้รูขุมขนหยาบเป็นตุ่มๆ

การใช้ยากลุ่ม VITAMIN A หรือ AHA กระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนัง ตลอดจนครีมทาผิวที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการรบกวนผิวบ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังนุ่มนวลขึ้นบ้าง แต่รักษาไม่หายขาด ค่ะ

ปัญหาที่คุณถามมาน่าจะเป็นโรคผิวหนังที่ปากรูขุมขนหนาตัวกว่าปกติ แพทย์บางคนจะบอกคนไข้ว่าเป็นขนคุด ชื่อภาษาอังกฤษของโรคคือ Keratosis Pillaris

โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังที่ปากรูขุมขนหนาตัวปิดช่องรูขุมขน เป็นตุ่มนูนขึ้นมาทำให้เส้นขนออกมาไม่ได้ มักไม่มีอาการใดๆ คนไข้มักจะรู้ถึงปัญหาเนื่องจากลูบแขนแล้วสะดุดมือ ถ้าหากแกะเม็ดบางครั้งจะพบขนคล้ายขดสปริงออกมา และถ้าแกะบ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นจุดดำๆ ได้

ปกติการทายาลดอาการอักเสบของผิวทำให้ปัญหาลดลงหรือหายไปได้ แต่จะกลับมาเป็นอีกเพราะยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่นอนของโรค การขัดถูกรบกวนโดยใช้สบู่มากๆ มักทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น การหลีกเลี่ยงการขัดถูใช้สบู่น้อยลง ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเป็นวิธีการลดปัญหาที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ได้ทำให้เม็ดที่มีอยู่เดิมหายไปครับ