การรักษาสิวที่หลัง คงต้องเริ่มจากการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองที่ผิวหนัง คือ ไม่ควรขัด ถู เพราะสิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกน่ะค่ะ

ส่วนการรักษามีได้ตั้งแต่การทายาเพื่อละลายหัวสิว การรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อลดการอักเสบของสิว แต่การจะเลือกใช้วิธีใดนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคด้วยค่ะ

การเกิดสิวที่ใบหน้าและลำตัวมีสาเหตุอย่างเดียวกัน คือ การแปรปรวนของฮอร์โมนเพศในร่างกายเราเอง แต่บางคนเป็นสิวที่หน้า บางคนเป็นสิวที่ตัว บางคนเป็นสิวอุดตัน บางคนเป็นสิวอักเสบ อันนี้ขึ้นตามพันธุกรรมค่ะ

ดังนั้นคนแต่ละคนจะมีสิวมากน้อยไม่เท่ากัน ส่วนปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น สบู่บางชนิด เหงื่อออกมาก ความอับชื้น จะทำให้สิวเป็นมากขึ้นได้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นสิวแบบไหนก็รักษาได้ทั้งนั้น แต่สิวที่หลังมักจะหายช้ากว่าสิวบนใบหน้าค่ะ สิวอักเสบที่หลังหายแล้วมักเป็นรอยดำหรือรอยช้ำ ถ้าไม่รักษาปล่อยให้หายเองมักจะนานหลายเดือนมากค่ะกว่าจะจาง ถ้ารักษาคุณหมออาจจะให้ยาลบรอยดำ เช่น SL , DL , DL2 แต้มเช้า-เย็น จะทำให้หายเร็วขึ้น แต่จะเร็วเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคนด้วยค่ะ ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 1-3 เดือนค่ะ ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนยาที่ได้รับค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอดูนะคะ

ตารางตรวจของแพทย์สาขารามอินทรา (แฟชั่นไอส์แลนด์) โทร. 0 2947 6117 - 8

- จันทร์ เวลา 12.30 - 19.30 น. น.พ.ชูเกียรติ เตชะสมบูรณ์

- อังคาร เวลา 12.30 - 19.30 น. พ.ญ.พรพิมล พิริยะเบญจวัฒน์

- พุธ เวลา 12.30 - 19.30 น. พ.ญ.วาณีวรรณ สุทัศนีย์ ณ อยุธยา

- พฤหัส เวลา 12.30 - 19.30 น. พ.ญ.ภัคจิรา ศิริพันธุ์

- ศุกร์ (ที่ 2,4) เวลา 12.30 - 19.30 น. น.พ.มนตรี พงศ์พจน์เกษม

- เสาร์ เวลา 10.30 - 17.30 น. พ.ญ.เจนใจ ชื่นชูจิตต์

- อาทิตย์ เวลา 10.30 - 17.30 น. น.พ.พลชุม บุญพรรคนาวิก