ขี้แมลงวัน (Lentigine) เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติทั่วๆร่างกายตั้งแต่วัยเด็ก แต่จะพบบ่อยขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีที่เราเรียกว่า เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ในบริเวณนั้น มีความผิดปกติเกิดขึ้น ทั้งรูปร่าง, ขนาด, และจำนวนของเซลล์ และมีการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เกี่ยวข้องกับสภาพผิว (Skin type) แต่ละคน, พันธุ์กรรม, แสงแดด, และอายุ

โดยทั่วไปขี้แมลงวันไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็งของผิวหนัง การรักษาทำได้โดยตัดออก เช่น การจี้ด้วยไฟฟ้า, หรือเลเซอร์ หรือทำการผ่าตัด การกำจัดขี้แมลงวันมีหลายวิธี เช่น

1. การใช้น้ำยาบางประเภท เช่น กรด TCA (Trichloroacetic Acid) แต้ม วิธีนี้ทำง่ายและสะดวก เสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่อาจต้องแต้มหลายครั้ง

2. การจี้ด้วยไฟฟ้า ปัจจุบันนิยมใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "Ellman" วิธีนี้ทำง่ายเช่นกัน แต่มีค่าใช้จ่ายบ้างและถ้าเป็นหลายๆจุด อาจจะต้องใช้ยาชาชนิดทา ซึ่งต้องรอประมาณ 50 -60 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่

3. การยิงด้วยเลเซอร์ ค่าใช้จ่ายสูงกว่า 2 วิธีแรก แต่มีความแม่นยำสูง และทำให้ขี้แมลงวันหายได้โดยการยิงเลเซอร์เพียงครั้งเดียว

ขี้แมลงวัน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มของเซลสร้างเม็ดสี (Melanocyte) ในผิวหนังชั้นบน (Epidermis) ทำให้มีการสร้างเม็ดสีมากขึ้น ลักษณะจึงเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็กๆ ประมาณ 1 - 2 mm. หรือมากกว่า โดยการเกิดนั้ไม่เกี่ยวข้องกับแสงแดดค่ะ

การจี้ขี้แมลงวันปกติจะใช้ CO2 LASER เป็นหลัก ปกติทำครั้งเดียวก็หายค่ะ แต่ถ้าแต้มด้วยกรดอาจต้องทำหลายครั้งและไม่ค่อยหมด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินดูว่าควรใช้วิธีใดรักษาค่ะ

ปกติการรักษาขี้แมลงวันนั้นต้องใช้เครื่อง Laser หรือเครื่องจี้ไฟฟ้าเท่านั้น จึงจะสามารถทำลายเซลล์เม็ดสีหรือขี้แมลงวันได้หมด การแต้มด้วยกรดไม่สามารถกำจัดขี้แมลงวันได้อยู่แล้ว เป็นเพียงแค่ลอกเซลล์บางส่วนออก

การจี้ด้วย LASER หรือ เครื่องจี้ไฟฟ้า สามารถทำได้ทันทีหลังสะเก็ดหลุด ส่วนการเกิดเป็นแผลเป็นนูนหรือแผลเป็นนั้น ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล ถ้ามีประวัติเป็นแผลเป็นนูนมาก่อนก็จะเกิดเป็นแผลเป็นนูนได้ค่ะ