ทำไมคลินิกรักษาผิวชอบเลี้ยงสิว?
เคยไปพบแพทย์ที่คลินิกรักษาผิวทั่วไป ค่ายาแพงมาก รักษาก็ไม่หาย และมีเพื่อนไปรักษาก็ดีขึ้นแต่พอเลิกใช้ยากับมีสิวกลับขึ้นมากกว่าเดิม และถ้ามารักษาที่นี่จะเป็นเหมือนกันรึเปล่า จะต้องใช้ยาไปตลอดเลยไหมค่ะ เพราะอะไรค่ะ
คำถามที่:Q2697| จากคุณicecyjung| 28/04/2550 14:47 น.
คำถามเรื่องระยะเวลาการรักษานั้นคงตอบยากค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับโรคหรือปัญหาที่คนไข้เป็น บางโรคใช้เวลาไม่เกิน 1สัปดาห์ บางโรคก็ใช้เวลาเป็นปี นะคะ

ส่วนเรื่องหมอเลี้ยงไข้ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะคะว่า แพทย์ทุกท่านย่อมมีจุดมุ่งหมายในการักษาเดียวกัน ก็คือ จะทำอย่างไรให้คนไข้หายจากโรคหรือปัญหาที่คนไข้เป็นอยู่ หมอเชื่อว่าแพทย์ทุกท่านย่อมอยากได้ชื่อว่าเป็นแพทย์ที่รักษาดี รักษาเก่ง เพราะฉะนั้นการเลี้ยงไข้จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นต่อตัวคนไข้และแพทย์เองค่ะ

ตอบโดย:พญ. วิลาวัลย์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล| วันที่ 02/05/2550
การที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่คลินิกเป็นเวลานานๆ มักทำให้ "เข้าใจผิด" เสมอว่าแพทย์เลี้ยงไข้ !! ซึ่งหากมองตามความเป็นจริงคงไม่มีแพทย์ท่านใดหรอกค่ะที่อยากให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นช้า เพราะนั่นหมายถึงเครื่องชี้วัดว่าแพทย์ไม่เก่งหรือรักษาไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์เพราะรักษาเท่าไรก็ไม่หายสักที ผู้ป่วยเองก็มีสิทธิ์เปลี่ยนไปรับการรักษากับแพทย์ท่านอื่นแทน

...ดังนั้นเราเชื่อว่าแพทย์ทุกท่านอยากให้ผู้ป่วยหายไวๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยปัญหาบาง อย่าง เช่น สิว ฝ้า กระ มักเป็นปัญหาเรื้อรังสามารถเป็นๆ หายๆ ได้ตลอด อย่าง สิว เมื่อเครียด มีประจำเดือน นอนดึก ขณะที่ผิวหน้าดีขึ้นแล้วก็กลับมาเห่อได้อีก ฝ้ากระ ก็เช่นกัน รักษาจนหน้าใสแล้ว แต่หากไปออกแดด โดนความร้อน หรือเผลอทานยาบางชนิดก็ทำให้กลับมาดำได้อีก ทำให้ผู้ป่วยจะวนไปวนมาหาแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่หากผู้ป่วยเข้าใจปัญหาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ก็จะน้อยลงค่ะ ...แต่คนส่วนใหญ่มักคาดหวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรหายขาด ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดนะคะ ...

ตอบโดย:ราชเทวีคลินิก| วันที่ 02/05/2550
คนไข้เป็นโรคเบาหวาน ไปรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ให้ยารับประทานควบคุมเบาหวานจนระดับน้ำตาลลดลง พอคนไข้หยุดยา โรคเบาหวานก็กำเริบขึ้นใหม่ แบบนี้แสดงว่าโรงพยาบาลนั้นเลี้ยงไข้หรือ???

การรักษาสิวก็เช่นกัน สิวเกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ เพราะต่อมไขมันทำงานมาก ขับไขมันออกมาคั่งค้าง และอุดตันรูขุมขน เกิดเป็นสิวและกลายเป็นสิวอักเสบ เมื่อมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

การรักษาแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย เพื่อให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้น และใช้ยาละลายไขมันอุดตัน ช่วยลดการก่อตัวของสิว เมื่อสิวอักเสบลดลง ยาปฏิชีวนะรักษาสิวอักเสบก็สามารถลดลงได้ แต่โดยธรรมชาติของคนที่เป็นสิวนั้น จะมีไขมันส่วนเกินที่สะสมก่อตัวเป็นสิวใหม่ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ จึงควรทายาละลายไขมันอุดตันเพื่อป้องกันไว้ก่อน จนกว่าต่อมไขมันจะทำงานน้อยลง

แนวทางการรักษาและป้องกันสิวเช่นนี้ เป็นแนวทางการรักษาตามหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นราชเทวีคลินิก, คลินิกสิวฝ้าอื่นๆ, หรือแม้แต่การรักษาในต่างประเทศ ก็เป็นแนวนี้ คือ เน้นการรักษาให้สิวอักเสบยุบโดยเร็ว และทายาละลายสิวอุดตันเป็นการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การเลี้ยงไข้อย่างที่เข้าใจผิดกันครับ

ตอบโดย:นพ. ชลิต พงษ์สมบูรณ์| วันที่ 02/05/2550
ต้องเข้าใจว่าสิวมีสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ ความแปรปรวนของฮอร์โมน ดังนั้นเมื่ออายุเข้าสู่วัยรุ่น ทุกคนก็จะเริ่มมีสิวขึ้น เป็นมากหรือน้อยแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ช่วงที่เป็นมากด้วยมีเม็ดสิวอักเสบ (แดง ,บวม, เป็นหนอง) จะมีการติดเชื้อ Bacteria ร่วมด้วย

การรักษาจะกินเวลานานเท่าใดขึ้นอยู่กับวัย ผลการตอบสนองต่อยาที่ใช้รักษา โดยทั่วไปก็ประมาณ 4-6 เดือน และหลังจากนั้นก็จะต้องใช้ยาทาต่อเนื่องไปอีกเป็นปี เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมามีสิวอีก ระหว่างรักษาคนไข้บางรายหากอาการดีขึ้น แพทย์ก็อาจอนุโลมให้ใช้ครีมบำรุงผิวอื่นร่วมด้วยได้

ดังที่กล่าวข้างต้นก็มักจะมีคนกล่าวว่าคลินิกชอบเลี้ยงไข้ ก็ต้องเข้าใจว่าการรักษาสิวนั้นจะต้องใช้เวลานาน ช่วงแรกๆ แพทย์ก็จะนัดบ่อยเพื่อดูผลของการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งแพทย์ทุกคนมีเจตนาที่จะให้คนไข้หายจากสิวโดยเร็วครับ

ตอบโดย:นพ. วรพจน์ ดาวเรือง| วันที่ 02/05/2550

จาก: 1 คน
VIEWS
8312