ไม่ควรบีบ แกะ เจาะ หรือเค้นสิวเองนะคะ
การรักษาสิวที่ราชเทวีคลินิกจะเป็นแบบรายครั้ง ไม่มีแบบคอร์ส ต้องพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยจึงจะประเมินและวางแผนการรักษาที่ ถูกต้องจำเป็นและเหมาะสมให้ต่อไปค่ะ
ราชเทวีคลินิกมีวิธีการรักษาสิวมีตั้งแต่การทายา รับประทานยา ทำทรีทเมนท์เสริมการรักษา และทำห้ตถการ (เลเซอร์) ในคนไข้บางรายอาจจะต้องใช้หลายๆวิธีผสมผสานกันตามความจำเป็นและเหมาะสม การจะใช้เทคนิควิธีการรักษาด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการ รักษาอยู่ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมกับคนไข้แต่ละรายค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการรักษา ขึ้นอยู่กับยาที่ได้รับ ทรีทเมนท์และหัตถการที่ทำ หากได้รับเฉพาะยาทาและยารับประทานไปค่าใช้จ่ายประมาณ 500 - 1,000 บาทต่อสัปดาห์ค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาสิวอุดตันด้วย CO2 LASER จุดละ 300.-
หากสิวอุดตันมีจำนวนมากๆสามารถคิดในราคาเหมาได้ เช่น
- ไม่เกิน 10 จุด 1,000.-
- 10 - 30 จุด ราคา 2,000.-
- 31 - 50 จุด ราคา 3,000.-
- 51 - 100 จุด ราคา 4,000.- เป็นต้นค่ะ
การรักษาสิวอุดตันด้วย CO2 LASER เป็นวิธีที่ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น และลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว นอกจากนี้เลเซอร์ยังสามารถฆ่าเชื้อโรคและทำลายต่อมไขมันบางส่วน ซึ่งจะมีส่วนให้สิวยุบเร็วขึ้นและป้องกันการเกิดสิวใหม่
การใช้เลเซอร์ CO2 เจาะสิว วิธีการ คือ เราจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 LASER) ยิงที่หัวสิวเพื่อเปิดหัวสิว ก่อนการยิงเลเซอร์จะทายาชาบนหัวสิวประมาณ 45 นาที เพื่อให้รู้สึกสบายเวลาทำ หรือในบางครั้งใช้แค่ประคบเย็นแล้วยิงได้เลย ลำแสงจากเลเซอร์จะทำให้ผิวหนังที่หุ้มหัวสิวอยู่เกิดเป็นรูเล็กๆ เพื่อใช้เป็นทางระบาย จากนั้นกดเอาก้อนไขมันที่อยู่ข้างใต้ออกมาโดยใช้อุปกรณ์กดสิว
การทำเลเซอร์สิวอุดตันมักจะมีสะเก็ดอยู่ประมาณ 3 - 7 วัน ทั้งนี้การที่สะเก็ดหลุดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ในสภาพผิวมันสะเก็ดจะหลุดเร็วกว่าสภาพผิวแห้ง หรือการทาครีม ล้างหน้าอย่างอ่อนโยนถูกวิธี เป็นต้น การที่สะเก็ดหลุดเร็วก่อนเวลาอันควร อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นมีรอยแดงดำเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าไปโดนแดด ดังนั้นหลังทำเลเซอร์ไปจนถึงช่วงสะเก็ดหลุดใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดๆ และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำด้วยค่ะ หลังกดสิวอาจมีรอยแดงหรือการระคายเคืองได้ กรณีเจาะสิวหลายๆ จุดอาจต้องงดยาทาสิวบางตัว ทานยาแก้อักเสบแทน 1 สัปดาห์ แต่ล้างหน้าได้ตามปกติค่ะ
หลังจากรักษาสิวจนดีขึ้นแล้วจึงควรที่ จะใช้ยาทาต่อไปอีกเพื่อควบคุมการเกิดสิวใหม่น่ะค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ ซึ่งคุณหมอจะวางแผนการรักษาให้ตามความถูกต้องจำเป็นและเหมาะสมกับคนไข้แต่ละ รายอยู่แล้วค่ะ
ส่วนปัญหาเรื่อง สิวผด นั้น ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับ " สิ ว ผ ด " กันก่อนนะคะ
สิวผด (Acne Estivalis)
ลักษณะอาการ
- คล้ายผดผื่นเล็กและแหลมพบได้มากขึ้นในช่วงบ่ายๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก
สาเหตุ
- ความร้อนและแสงแดด
- การรบกวน เช่น เช็ด ถูหน้าแรงๆ
- เครื่องสำอางบางประเภท
- เชื้อรา P. ovale
การป้องกันและแก้ไข
- เลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดทุกเช้า
- ลดการรบกวนผิว
- หลีกเลี่ยงยาหรือครีมที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น เช่น การใช้ยารักษาสิวกลุ่ม Retinoic acid, Benzoid peroxide, AHA, BHA เป็นต้น
สิวผดเป็นสิวที่ขึ้นง่ายหายเร็ว มักไม่อักเสบเป็นหัวหนองหรือสิวอุดตัน แต่มักจะขึ้นบ่อยๆจนเป็นที่รำคาญ ควรปรึกษาแพทย์หาสาเหตุและรักษาให้ตรงตามสภาพผิวจะเหมาะสมกว่าค่ะ
สิวเทียมหรือสิวผด กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ มักเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น สภาวะร้อนอบอ้าว เหงื่อออกเยอะๆ หลายๆ คนขึ้นผดเล็กๆ เห่อบริเวณหน้าผากได้ค่ะ
กรณีนี้รักษาโดยทายาควบคุมสิวผดตอบสนองได้ดีค่ะ และควรจะหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด โดยสรุปอาการของคุณจะให้คำตอบได้ชัดเจนแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอที่ดูแลคุณอยู่ เพราะคุณหมอได้ตรวจวินิจฉัยจากรอยโรคจริง คุณหมอจะได้ประเมินและวางแผนการรักษาที่ถูกต้องจำเป็นและเหมาะสมกับคุณให้ ต่อไปค่ะ
ลองมาเข้าพบและปรึกษาคุณหมอดูนะคะ เพื่อที่คุณหมอจะได้ตรวจวินิจฉัย จึงจะประเมินพร้อมวางแผนการรักษาที่ถูกต้องจำเป็นและเหมาะสมกับคุณให้ต่อไปค่ะ
ตอบโดย:ราชเทวีคลินิก|
วันที่ 26/03/2558