การดูแลรักษากระ มีดังนี้
1. การป้องกัน
- การหลีกเลี่ยงแสงแดด
- การใช้ครีมทากันแดด ควรเลือกครีมทากันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB, ค่า SPF ควรเลือกใช้ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป, ทาในปริมาณที่มากพอสมควร หรือมากกว่าปริมาณที่ทาครีมบำรุงหน้า, ควรทาให้บ่อยขึ้น (ตามทฤษฏีควรทาทุก 2 ชั่วโมง)
2. การใช้ยาทาในกลุ่มต่างๆ
- Bleaching cream ได้แก่ ยาในกลุ่ม Hydroquinone, retinoic acid หรือ cortisone cream ใช้เวลารักษาประมาณ 2 - 3 เดือน ถึงจะจางลง แต่ไม่หายสนิท มีผลข้างเคียง คือ อาจทำให้เกิดรอยด่างขาวในบริเวณผิวหนังรอบๆ อาจมีอาการระคายเคือง, แดง หรือหน้าแห้ง หน้าลอกได้ (ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ BME PLUS, AMC, DL, SL ราคาสอบถามได้ที่คลินิก)
- Chemical peel วิธีนี้สามารถลบจุดด่างดำได้ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ ทำให้หน้าเรียบเนียนขึ้น แบ่งออกเป็น Superficial peeling คือ การลอกหน้าในระดับผิวหนังตอนบน ตัวอย่างเช่น Glycolic acid peel หรือที่รู้จักกัน คือ AHA Treatment (ราคาครั้งละ 300 บาท) ข้อดีของวิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยมาก ไม่ต้องพักหน้า สามารถทำงานหรือมีกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ และ Deeper peel มีข้อเสีย คือ ต้องพักหน้า เลี่ยงแดด อาจเสี่ยงที่เกิดรอยดำหลังทำได้ง่าย
- Whitening agents : สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสี (melanin) ได้แก่ Vitamin B3, Kojic acid, arbutin
3. Laser resurfacing
- วิธีนี้สามารถรักษาได้หลายปัญหา ได้แก่ กระ ฝ้า จุดด่างดำต่างๆ ริ้วรอยเหี่ยวย่น เป็นวิธีที่ลอกเอาส่วนบนสุดของผิวหนังออกไปด้วยการใช้ Laser เช่น CO2 laser, Erbium : YAG Laser มีข้อเสีย คือ หน้าแดงและลอก ต้องพักหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์
4. IPL (Intense pulse light)
- รักษารอยดำ ฝ้า กระ รอยแดงรอยดำจากสิว นอกจากนั้นยังสามารถกำจัดขนได้ ทั้งนี้ขึ้นกับการปรับพลังงานของเครื่องและตามความเหมาะสมของแต่ละปัญหา
- ขณะทำอาจจะมีรู้สึกเจ็บได้แต่ไม่มาก
- หลังทำอาจจะมีสะเก็ดเล็กๆ ให้เห็น แต่สามารถแต่งหน้าและทำกิจวัตรได้ตามปกติ และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด
- ถ้าต้องการเห็นผลการรักษา ควรทำอย่างน้อย 4-6 ครั้ง ทุก 2-3 สัปดาห์
- ราคาตั้งแต่ 1,000 บาทเป็นต้นไป ขึ้นกับจำนวนของกระที่มีอยู่ค่ะ
ตอบโดย:ราชเทวีคลินิก|
วันที่ 10/06/2551