รูขุมขนกว้าง
คือเป็นคนมีรูขุมขนกว้าง บวกกับมีสิวเสี้ยนเยอะด้วย จะทำยังไงดีคะ
คำถามที่:Q15529| จากคุณtintin| 13/07/2556 00:00 น.
เรื่องรูขุมขุนกว้างหรือการกระชับรูขุมขนนั้น การจะตอบคำถามนี้ได้ คงต้องมาทำความเข้าใจกับธรรมชาติของผิวกันก่อนนะคะ

รูขุมขนกว้าง เป็นลักษณะของผิวหนังที่พบได้บ่อย แต่ไม่ถือว่าเป็นโรคทางผิวหนังหรือก่อให้เกิดอันตราย เพียงแต่อาจจะสร้างปัญหาทางความสวยงามได้

ผิวหนังของคนเราจะมีท่อเปิดออกสู่ผิวหนังอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ท่อเปิดต่อมเหงื่อ และ ท่อเปิดรูขุมขน ซึ่งท่อเปิดชนิดหลังนี้จะเป็นตำแหน่งที่ขนงอกขึ้นมาและเป็นท่อที่ระบายไขมันที่สร้างจากต่อม sebaceous gland ด้วย ท่อรูขุมขนจะมีขนาดโตมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับ
(1) อายุ เมื่ออายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป รูขุมขนจะมีโอกาสโตมากขึ้นตามธรรมชาติของผิว

(2) ลักษณะผิว เช่น กรณีที่ต่อม sebaceous gland ทำงานผลิตไขมันมาก โอกาสที่รูขุมขนกว้างก็จะมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ต่อม sebaceous gland ทำงานน้อยกว่า

ในความเป็นจริงแล้ว ลักษณะผิวแต่ละแบบได้ถูกกำหนดมาแล้วจากพันธุกรรมของแต่ละคน ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถลดขนาดรูขุมขนได้อย่างถาวร แต่ก็มีหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหานี้ เช่น


(1) ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยเพิ่มระดับ collagen และ elastin ในผิว เช่น กลุ่มวิตามิน C, retinol
(2) ลดปริมาณน้ำมันบนผิวและผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งเป็นตัวที่จะอุดตันในรูขุมขนและทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี alpha hydroxyl acid ( AHA ) เป็นส่วนประกอบ ( การทำ AHA treatment จึงเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้างได้ )
(3) การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ผสม salicylic acid ซึ่งทำงานคล้ายในกลุ่ม AHA
(4) การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม oil control เพื่อควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
(5) การใช้เครื่องมือที่กระตุ้น collagen และ elastin ใต้ผิว เช่น Nd:YAG LASER , IPL เป็นต้น collagen และ elastin ที่ถูกกระตุ้นให้สร้างเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผิวกระชับขึ้นและส่งผลให้รูขุมขนดูกระชับขึ้นด้วย

การทำ Treatment อย่างสม่ำเสมอ เป็นการช่วยคงสภาพผิวที่ดีหลังการทำ treatment ไว้ แต่การที่รูขุมขนจะกระชับได้มากน้อยหรือยาวนานแค่ไหนนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก เช่น อายุ, อากาศ หรือสภาพแวดล้อม, การเผชิญกับแสงแดด เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแต่ละวิธีก็อาจจะมีข้อบ่งชี้และข้อควรระวังในการใช้ที่แตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณ ค่ะ

ส่วนวิธีการรักษาสิวเสี้ยน ได้แก่
- หลีกเลี่ยงการลูบคลำบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน
- ลอกสิวเสี้ยนออก
- ทายา
- เลเซอร์
การทายาผิวดีขึ้นแน่นอนครับ และอย่าลืมวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นคือไม่เอามือไปจับบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนครับ... เลเซอร์ช่วยทำให้หายเร็วขึ้น แต่ไม่หายขาด...สำหรับความถี่ของการทำ LASER ระยะแรกๆ เรามักจะทำถี่หรือไม่ทิ้งช่วงนาน สำหรับการที่จะทำทุกสัปดาห์สามารถทำได้ขึ้นอยู่กับสภาพของผิว ซึ่งคงต้องตรวจดูก่อนจึงจะตอบได้ครับ ปกติการรักษาสิวเสี้ยนสามารถใช้การรักษาแบบผสมผสานด้วยยาทาและการใช้ LASER ส่วนจะเป็นเลเซอร์ตัวใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษาอยู่ครับ

ขณะนี้ราชเทวีคลินิกมีเทคนิควิธีการรักษาสิวเสี้ยนแบบใหม่ คือ Tricho Peel หรือ TCP เป็นวิธีการลอกสิวเสี้ยนแบบใหม่ที่ได้ผลดี ด้วยประสิทธิภาพของ Tricho Solution ที่ช่วยละลายชั้นขี้ไคล ให้การอุดตันสิวเสี้ยนเกิดการหลวมตัว ทำให้ลอกออกได้ง่ายขึ้นมากขึ้น ผสานกับ Tricho Patch แผ่นลอกสิวเสี้ยนแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่น เนื้อเหนียวนุ่ม ดึงออกได้ง่าย จึงเพิ่มประสิทธิภาพการลอกสิวเสี้ยนให้ได้ผลดีมากยิ่งขึ้น อัตราค่าบริการลอกสิวเสี้ยน ด้วย Tricho Peel ครั้งละ 150.- ครับ

วิธีนี้ช่วยให้สิวเสี้ยนลอกออกได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้เป็นวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวเสี้ยน การจะไม่ให้สิวเสี้ยนเกิดขึ้นอีกเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะฮอร์โมนในร่างกาย เป็นตัวการที่กระตุ้นต่อมไขมันทำให้มีการผลิตไขมันออกมามากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขนได้ง่ายขึ้น 

นอกจากนี้ การรบกวนผิวหน้ามากๆ เช่น การเช็ดถูหน้าแรงๆ การนวดหรือขัดหน้า จะเป็นการรบกวนรูขุมขนหรือต่อมไขมัน ทำให้รากขนแตก จึงคุดคู้อยู่ข้างในรูขุมขนได้มากขึ้น กลายเป็นหนามแหลมๆที่ใบหน้าได้ ฉะนั้น การใช้ยาและลอกสิวเสี้ยนด้วย Tricho Peel จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยนครับ
ลองพบและปรึกษาคุณหมอดูนะครับ เพื่อที่คุณหมอจะได้ตรวจ ประเมิน และวางแผนการรักษาที่จำเป็นและเหมาะสมกับคุณให้ต่อไปครับ

ตอบโดย:ราชเทวีคลินิก| วันที่ 28/07/2556

จาก: 0 คน
VIEWS
1900