ราชเทวีคลินิก สามารถรักษารอยแผลเป็นได้ทุกชนิดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแผลเป็นรอยดำ รอยแดง หลุม นูน และคีลอยด์ แนะนำให้มาพบและปรึกษาคุณหมอเพื่อให้คุณหมอตรวจวินิจฉัย ประเมินและวางแผนการรักษาที่จำเป็นและเหมาะสมให้ค่ะ
การรักษาแผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์จะต้องขึ้นอยู่กับลักษณะและรายละเอียดของแผลที่เป็นด้วยค่ะ เช่น ขนาด, สี, ความแข็ง, ความนูน, ตำแหน่ง ซึ่งการรักษาก็มีตั้งแต่ยาทา, ยาฉีด, เลเซอร์, Scarless Technique หรือใช้การรักษาหลายๆ วิธีร่วมกัน ค่ารักษาขึ้นอยู่กับขนาดของแผลและวิธีการรักษาค่ะ ลองมาพบแพทย์เพื่อให้คำแนะนำอย่างละเอียดดีกว่าค่ะ
แผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์สามารถรักษาได้ค่ะ ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับเทคนิควิธีการรักษาแต่ละวิธี ตอนนี้ราชเทวีคลินิกมีเทคนิควิธีรักษารอยแผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์ด้วยเทคนิควิธีต่างๆ ดังนี้ค่ะ
1. ฉีดยา หากรักษาด้วยการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ สามารถเข้ารับบริการได้ทุกสาขา อัตราค่าบริการอยู่ที่ 100 - 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของคีลอยด์และปริมาณยาที่ใช้ค่ะ
2. SM Technique (Scar Modulation Technique) เป็นเทคนิคการปรับผิวและฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียน เนียน ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เซลล์ผิว
3. SR Technique หรือ Scar Reconstruction Technique เป็นเทคนิคการผสมผสานวิธีการตกแต่งรอยแผลเป็นหลุม ให้เรียบเสมอใกล้เคียงผิวปกติ
4. Scarless Technique ปัจจุบันนี้ราชเทวีคลินิกมีวิธีการรักษาคีลอยด์แบบใหม่ โดยใช้วิธี Scarless Technique เป็นการ Shave หรือใช้ CO2 LASER เป็นการทำลายเนื้อเยื่อผิวที่นูนออกให้เรียบ จากนั้นใช้ Scarless patch with Scarless solution ปิดบนแผลต่อ เพื่อหยุดการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่บริเวณที่เคยเป็นคีลอยด์ โดยใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1 เดือน หลังรักษาด้วยวิธีนี้พบว่าผิวที่เคยเป็นคีลอยด์มีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาเป็นซ้ำอีก อัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 9,000.- ขณะนี้มีให้บริการที่ Aesthetic Scar Center ศูนย์ดูแลรักษารอยแผลเป็นต่างๆ ทุกชนิด ซึ่งศูนย์นี้อยู่ในราชเทวีคลินิก สาขาเพลินจิต สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณเพชราภรณ์ ราชเทวีคลินิก สาขาเพลินจิต โทร. 08 3555 0021
ในคนไข้บางรายอาจจะต้องใช้หลายๆ วิธีผสมผสานกันค่ะ ถ้าแผลไม่นูนมากอาจใช้เพียงการฉีดยาให้ยุบ วิธี Scarless Technique ไม่มีข้อห้าม แต่เหมาะกับแผลที่นูนมากๆ หรือใหญ่มากที่รักษาด้วยวิธีฉีดไม่ได้ค่ะ
แนะนำให้มาพบและปรึกษาคุณหมอ เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจวินิจฉัยจากรอยแผลจริงจึงจะประเมินและวางแผนการรักษาที่จำเป็นและเหมาะสมให้ได้ค่ะ