ไม่ทราบว่าคุณตุลารัตน์เป็นแผลเป็นชนิดใด รอยแผลเป็นจากสิวมีทั้งรอยหลุม รอยนูน รอยแดง รอยดำ ซึ่งสามารถรักษาได้ค่ะ
รอยแผลเป็นหลุมสิวสามารถรักษาได้ แต่จะใช้เครื่องมือเลเซอร์หรือเทคนิคการรักษาใดนั้นคงต้องให้แพทย์ตรวจดูลักษณะของรอยแผลจริงค่ะ เพื่อแพทย์จะได้เลือกใช้วิธีหรือเครื่องมือที่จำเป็นและเหมาะสมให้ค่ะ ซึ่งรอยหลุมสิวสามารถรักษาได้ด้วย LASER , SR & SM Technique แต่จะใช้เครื่องมือเลเซอร์หรือเทคนิคการรักษาใดนั้นคงต้องให้แพทย์ตรวจดูลักษณะของรอยแผลจริงค่ะ เพื่อแพทย์จะได้เลือกใช้วิธีหรือเครื่องมือที่จำเป็นและเหมาะสมให้ค่ะ
สำหรับรอยแผลเป็นที่เป็นรอยดำนั้น ตามธรรมชาติแล้วจะจางลงเรื่อยๆ แต่ใช้เวลานานเป็นปีระยะเวลาในแต่ละคนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับรอยแผลด้วยว่าดำมากหรือน้อย , อายุ ถ้าเป็นในผู้ใหญ่รอยดำก็จะจางช้ากว่าในเด็ก เพราะฉะนั้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดรอยดำจะดีที่สุด ส่วนการรักษาแนะนำว่าควรใช้ยาทาลดรอยดำ ทำทรีทเมนท์ ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์บริเวณรอยดำ และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด, ไม่เกาหรือแกะซ้ำ ซึ่งจะทำให้รอยดำยิ่งดำขึ้นค่ะ
นอกจากนี้มีเลเซอร์ที่ใช้รักษารอยดำได้ จะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สีผิว ถ้าสีผิวคล้ำมักจะได้ผลไม่ดีเท่าคนผิวขาว ช่วงแรกแนะนำว่าควรรับบริการอย่งต่อเนื่องทุกๆ 2 สัปดาห์ ประมาณ 5-6 ครั้ง เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจน ทั้งนี้ระยะห่างในการทำขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการวางแผนการรักษาให้ค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอดูนะคะเพื่อให้คุณหมอวางแผนการรักษาที่จำเป็นและเหมาะสมให้ค่ะ
ส่วนคำถามเกี่ยวกับโทนเนอร์นั้น คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตติดอันดับค่ะ หมอคิดว่าหลักการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องได้แก่ การทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและด้วยวิธีการที่นุ่มนวล ตามด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด (ปกป้องผิวจากรังสียูวี) ที่เหมาะสม
ส่วนโทนเนอร์จัดเป็นผลิตภัณฑ์เกินความจำเป็นและอาจทำร้ายผิวหน้าของคุณได้ เนื่องจากส่วนประกอบของโทนเนอร์มักมีแอลกอฮอล์หรือกรดบางประเภท ซึ่งสารทั้งสองอย่างมีความระคายเคืองสูง หลังจากการล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ สภาพผิวจะอยู่ในสภาพที่ไวต่อสารระคายเคืองต่างๆ เนื่องจากน้ำมันซึ่งปกติทำหน้า ที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ มีปริมาณลดลง ดังนั้นหมอขอสรุปว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ค่ะ