ขอแยกตามเป็นข้อๆดังนี้
1. สิวเป็นภาวะที่เกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน โดยปัจจัยที่สำคัญๆ ได้แก่ ฮอร์โมนในร่างกาย, ลักษณะโครงสร้างของต่อมไขมัน, เชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน เป็นต้น โดยสิวจะเกิดหลังจากที่ภาวะดังกล่าวขาดความสมดุล เช่น ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป จำนวนหรือชนิดแบคทีเรียในรูขุมขนเปลี่ยนแปลง เป็นต้น สิวอาจเป็นทั่วๆ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้า ขึ้นกับแต่ละบุคคล และโดยทั่วไปแพทย์จะแบ่งความรุนแรงของสิวตามขนาดและจำนวนของสิวอักเสบ
2. การรักษาสิวแบ่งออกเป็น
2.1 การรักษาจำเพาะเจาะจง (Specific Treatment) ได้แก่ ยาทา และยารับประทาน (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง) ซึ่งถ้ามีสิวอักเสบมาก แพทย์จะให้ยารับประทาน เช่น ยาปฎิชีวนะ (Antibiotics) ระยะหนึ่งพร้อมกับยาทา แล้วจึงหยุดยารับประทานหลังจากสิวอักเสบยุบดีแล้ว
2.2 การรักษาเสริม (Supportive Treatment) เช่น
- การไม่รบกวนใบหน้าขณะที่เป็นสิวมาก
- การไม่บีบแกะสิว
- การพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำจิตใจไม่ให้เครียดมาก
3. รอยดำจากสิวอักเสบ
โดยปกติหลังจากสิวอักเสบยุบแล้วจะทิ้งรอยคล้ำไว้ระยะหนึ่ง แล้วจะค่อยๆจางหายไปเอง การบีบหรือกดสิวอักเสบจะทำให้สิวช้ำมากขึ้น เป็นผลทำให้รอยคล้ำหายช้ากว่าปกติมาก จึงไม่ควรบีบสิว นอกจากนี้เชื้อโรคจากภายนอกจะเข้าสู่สิวอักเสบนั้นได้ง่ายมาก ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนซึ่งจะอันตรายมาก
การรักษารอยคล้ำจากสิว ทำได้โดย
3.1 ทายารักษารอยคล้ำบางประเภท เช่น กรดวิตามินซี, AHA, Azelaic Acid เป็นต้น จะช่วยให้รอยคล้ำจางเร็วขึ้น
3.2 หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดมากๆ และทายากันแดดเป็นประจำ
3.3 ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นโดยทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) และดื่มน้ำมากๆ
ตอบโดย:นพ. มนตรี พงศ์พจน์เกษม|
วันที่ 22/06/2544