เป็นสิวที่คาง
เป็นสิวที่คางบ่อยมาก เป็นยังไม่หายเลย ก็เกิดเป็นขึ้นอีก จะเป็นเฉพาะที่คาง และเป็นสิวที่ไม่มีหัว หมายถึงว่าสิวจะไม่แห้งและหายไปเอง จะเป็นไตแข็งๆอยู่บนหน้า หากต้องการจะไม่ให้มีไตก็ต้องบีบออก ซึ่งทำให้ผิวอักเสบมาก เป็นแผลต้องรักษานานและเป็นรอยดำอยู่ที่หน้า เคยทราบว่าเกิดจากฮอร์โมนตามระยะอายุจริงหรือไม่ หากจะรักษาไม่ให้เป็นบ่อยๆจะได้หรือไม่ และจำเป็นต้องทานยาหรือไม่(ครอบครัวมีประวัติแพ้ยา) ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเท่าไร
คำถามที่:Q10665| จากคุณAnonymous| 21/06/2544 00:00 น.
ขอแยกตามเป็นข้อๆดังนี้
1. สิวเป็นภาวะที่เกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน โดยปัจจัยที่สำคัญๆ ได้แก่ ฮอร์โมนในร่างกาย, ลักษณะโครงสร้างของต่อมไขมัน, เชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน เป็นต้น โดยสิวจะเกิดหลังจากที่ภาวะดังกล่าวขาดความสมดุล เช่น ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป จำนวนหรือชนิดแบคทีเรียในรูขุมขนเปลี่ยนแปลง เป็นต้น สิวอาจเป็นทั่วๆ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้า ขึ้นกับแต่ละบุคคล และโดยทั่วไปแพทย์จะแบ่งความรุนแรงของสิวตามขนาดและจำนวนของสิวอักเสบ
2. การรักษาสิวแบ่งออกเป็น
2.1 การรักษาจำเพาะเจาะจง (Specific Treatment) ได้แก่ ยาทา และยารับประทาน (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง) ซึ่งถ้ามีสิวอักเสบมาก แพทย์จะให้ยารับประทาน เช่น ยาปฎิชีวนะ (Antibiotics) ระยะหนึ่งพร้อมกับยาทา แล้วจึงหยุดยารับประทานหลังจากสิวอักเสบยุบดีแล้ว
2.2 การรักษาเสริม (Supportive Treatment) เช่น
    - การไม่รบกวนใบหน้าขณะที่เป็นสิวมาก
    - การไม่บีบแกะสิว
    - การพักผ่อนให้เพียงพอ
    - ทำจิตใจไม่ให้เครียดมาก
3. รอยดำจากสิวอักเสบ
    โดยปกติหลังจากสิวอักเสบยุบแล้วจะทิ้งรอยคล้ำไว้ระยะหนึ่ง แล้วจะค่อยๆจางหายไปเอง การบีบหรือกดสิวอักเสบจะทำให้สิวช้ำมากขึ้น เป็นผลทำให้รอยคล้ำหายช้ากว่าปกติมาก จึงไม่ควรบีบสิว นอกจากนี้เชื้อโรคจากภายนอกจะเข้าสู่สิวอักเสบนั้นได้ง่ายมาก ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนซึ่งจะอันตรายมาก
    การรักษารอยคล้ำจากสิว ทำได้โดย
3.1 ทายารักษารอยคล้ำบางประเภท เช่น กรดวิตามินซี, AHA, Azelaic Acid เป็นต้น จะช่วยให้รอยคล้ำจางเร็วขึ้น
3.2 หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดมากๆ และทายากันแดดเป็นประจำ
3.3 ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นโดยทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) และดื่มน้ำมากๆ
ตอบโดย:นพ. มนตรี พงศ์พจน์เกษม| วันที่ 22/06/2544

จาก: 1 คน
VIEWS
13284