Ultherapy

เป็นเทคโนโลยีการใช้อัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound)    โดยปล่อยพลังงานที่มีความลึกจำเพาะตรงต่อจุดที่ต้องการรักษา        ทั้งยังมีความแม่นยำด้วยการปล่อยพลังงานเป็นความร้อนกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่    ส่งผลไปถึงชั้นคอลลาเจนในระดับกล้ามเนื้อชั้นบน   (SMAS/Superficial    Musculoaponeurotic System)  ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมทำผ่าตัดดึงหน้า   จึงช่วยลดปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว  ทำให้ให้ผิวมีความกระชับตึงขึ้นได้     โดยไม่ต้องผ่าตัด   
 

Ultherapy ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร

จากการที่ Ultherapy  ให้คลื่นเสียงความถี่สูง  ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน (Vibration) จนเกิดความร้อนภายในเนื้อเยื่อ  โดยจะมีอุณหภูมิ ประมาณ 65-75 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)  ซึ่งเป็นเซลล์หลักที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน Ultherapy จึงช่วยให้มีการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เป็นการคงดุลยภาพของผิวหนัง (Homeostasis) ไว้ ทำให้เกิดริ้วรอยได้ช้าลง และช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพกลับสู่สภาพเดิมทำให้ผิวอ่อนเยาว์ขึ้น
 

Ultherapy รักษาอะไรบ้าง

แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย (Sagging)  ช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ผิวกระชับขึ้น เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง รูขุมขนเล็กลง ใบหน้าจึงดูอ่อนกว่าวัย
แก้ไขปัญหาหนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ตาโตขึ้น
กระชับผิวบริเวณลำคอ ทำให้ตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น
แก้ปัญหาคางย้อย ให้เรียบตึง

 

ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร

ก่อนทำการรักษาจะทำความสะอาดผิวและเครื่องสำอางออก
ทายาชาก่อนทำประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ใต้ผิวหนัง
 

การรักษาแต่ละครั้งใช้เวลานานเท่าไร

ในการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคนและบริเวณที่ต้องการทำการรักษา  
 

Ultherapy ต้องทำบ่อยขนาดไหน

การรักษาเพียงครั้งเดียวสามารถเห็นผลว่าดีขึ้นได้ โดยจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนขึ้นหลังทำประมาณ 3 เดือน
การดูแลผิวหลังทำ หลังทำอาจจะมีรอยแดงได้บ้าง ซึ่งโดยมากจะดีขึ้นภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง
 

มีผลข้างเคียงหรือไม่

การรักษาด้วย Ultherapy ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ไม่มีบาดแผล มีความปลอดภัยสูง หลังทำสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ  โดยไม่ต้องพักฟื้น
 

วิธีการดูแลผิวหลังทำ

ควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน และใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ที่มีค่า SPF มากกว่า 30

Ultherapy เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกาถึงความปลอดภัย