สร้างผิวสวยเรียบเนียนใสให้ดูอ่อนวัยอยู่เสมอ
วันที่ 20 ก.ย. 2566
| โดย
ราชเทวีคลินิก
สร้างผิวเรียบเนียนใสมีความหมายมากกว่าความสวย
ผิวที่สวยจะต้องเรียบเนียนใส นุ่ม สว่างกระจ่างใสอยู่เสมอ คือ ผิวที่มีความสมดุลย์ของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าเซลล์แต่ละชั้นทำงานเป็นปกติสมบูรณ์ทุกชั้นหรือไม่ ตั้งแต่ชั้นล่าง (Lower compartment) ชั้นกลาง (Middle compartment) และชั้นบน (Upper compartment)
เชลล์ผิวหนังกำพร้าที่ทำงานเป็นปกติ บ่งบอกถึงการมีผิวสุขภาพดี ซึ่งเซลล์หนังกำพร้าและชั้นขี้ไคลจะมีทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นละปกป้องผิว หากเซลล์หนังกำพร้าถูกทำลายไม่สามารถทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ก็จะไม่สามารถป้องกันการเข้าของเชื้อโรค ความสกปรก มลภาวะ สิ่งแปลกปลอมและสารเคมีต่างๆ รวมถึงการสูญเสียขบวนการกักเก็บและกักกั้นน้ำของผิว ผิวจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวแห้ง เกิดการลอกเป็นขุย ผิวขาดความเรียบเนียนใส ไม่นุ่มชุ่มชื้น เหี่ยวแห้งเกิดริ้วรอยแก่เร็วหรือ สูญเสียความสวยงาม
1. จะสร้างผิวเรียบเนียนใสต้องเข้าใจเซลล์ผิว
เซลล์หนังกำพร้าชั้นล่างสุดจะแบ่งตัวด้วยอัตราคงที่ และเซลล์ที่แปงตัวแล้วจะเคลื่อนขึ้นไปยังชั้นกลางด้วยดวามเร็วที่คงที่เป็นเซลล์ผิวหนังขั้นกลางที่มีหน้าที่ตอบสนองกับสิ่งแปลกปลอมที่ผ่านจากชั้นบนเข้ามา เชลล์ชั้นนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นไปเมื่อมีเซลล์ขั้นล่างเคลื่อนเข้าแทนที่ โดยจะสร้างแรงยึดเหนี่ยวจนยากที่จะสามารถควบคุมการระเหยออกไป (barrier) ก่อนที่จะตาย (apoptosis) กลายเป็นชั้นขี้ใคล เรียบเนียนนุ่มเปรียบเสมือนเกราะกำบังสิ่งแปลกปลอมเชื้อโรค และกรองรังสี UVที่จะสะท้อนแสง (reflex) ให้สว่างกระจ่างไส
หากมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่ชั้นหนึ่งชั้นใด ความเรียบเนียนนุ่มสว่างกระจ่างใสก็จะหายไป ขึ้นอยู่ว่าจะพบความผิดปกติของหนังกำพร้าชั้นใด ซึ่งจะถูกบันทีกร่องรอยความปกติและผิดปกติไว้ที่ชั้นขี้ไคล
2. กลไกที่ทำให้ผิวเกิดความผิดปกติ ผิวหน้าแห้ง ลอก มีขุย
เซลล์หนังกำพร้าแต่ละชั้นจะมีชุดคำสั่งให้ทำงานอยู่ แด่ขณะเดียวกันเซลล์เหล่านี้ยังมีที่รับสัญญาณ (receptor) รอรับสัญญาณ (signal) ต่างๆ ที่ถูกส่งจากภายนอกหรือภายในร่างกาย สั่งให้มีการเพิ่มหรือลดการเคลื่อนตัวของเซลล์แต่ละชั้นที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้รวมทั้งการแบ่งตัวและการปล่อยสารอักเสบมาต่อด้านเชื้อหรือสิ่งแปลกปลอม ผลที่เกิดขึ้นคือปริมาณ และคุณลักษณะของชั้นขี้ไคลเปลี่ยนแปลงไป เสีย "ความเรียบเนียนนุ่มสว่างกระจางใส" ได้ ดังที่กล่าวมาแล้ว และเสียความงามที่สุดของผิวบางส่วนหรือทุกส่วน อาจพบว่ามีผิวแห้ง มีการลอก มีขุย มักเป็นสัญญาณบอกว่าผิวหน้าของคุณกำลังขาดความชุ่มชื้น และมีปัญหาต่างๆอตามมาหรือเกิดการอักเสบ
3. แก้ปัญหาผิวแห้ง ลอก มีขุยอักเสบ เพื่อคืนความเรียบเนียนใสด้วย Epidermal Healing Treatment
บำรุงผิวด้วย moisturizer สูตรเฉพาะเพื่อแก้ปัญหาผิว ลดการคัน การอักเสบ เมื่อเซลล์ผิวมีปัญหาการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจัดการให้กลับเป็นปกติได้ ตราบใดที่สัญญาณที่ทำให้เกิดความผิดปกติยังคงอยู่ ดังนั้น จึงต้องมีสัญญาณเข้าไปขัดขวาง หรือกระตุ้นการทำงานให้เซลล์กลับมาเป็นปกติ ด้วยการทำ Epidermal Healing Treatment ทรีทเมนท์สูตรเฉพาะในการแก้ปัญหา ช่วยทำให้ผิวทุกชั้นกลับมาทำงานเป็นปกติ โดยจะมีชุด code ไป block สัญญาณต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ ร่วมกับการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวสูตรเฉพาะสำหรับแต่ละปัญหาผิว จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น ให้ผิวกลับมาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อความเรียบเนียนใสของผิว และควรดูแลอย่างต่อเนื่องร่วมกับการตรวจสอบความสมบูรณ์ของผิวอยู่เสมอ
ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง
4. ระยะเวลาการกลับเป็นคืนสู่ปกติของผิว
การคืนความสมบูรณ์ของการทำหน้าที่ของเซลล์ผิว ในกรณีที่เซลล์ผิวหนังมีความผิดปกติ ทำให้การทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ จึงส่งผลต่อความเรียบเนียนใสของผิว การรักษาด้วย Epidermal Healing Treatment ที่ตรงกับปัญหาจะช่วยคืนความปกติสมบูรณ์ของเซลล์ผิวภายในระยะเวลาตาม gold standard และระยะเวลาหลังจากที่ผิวได้รับการแก้ไขให้เป็นปกติ ขึ้นอยู่กับชั้นของหนังกำพร้าที่มีปัญหาและคุณลักษณะของชั้นขี้ไคลที่ถูกเปลี่ยนไปในแต่ละชั้น ดังนี้
รูปตัวอย่าง สภาพผิวปกติ (0-25%)
4.1 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้าส่วนบน Upper
ผิดปกติ ระดับที่ 1 (26-50%) : สูญเสียความสว่าง ความเนียนของผิว
หลังทำ Smooth Repairing Treatment แล้ว ผิวจะคืนความสว่าง และความเนียนนุ่ม (แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างน้อย 2 ครั้ง ผิวจะกลับคืนสู่ปกติภายใน 4 สัปดาห์)
รายละเอียดเพิ่มเติม Smooth Repairing Treatment
4.2 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้าส่วนบน และเซลล์ผิวมีความผิดปกติ Upper Para
ผิดปกติ ระดับที่ 2 (26-50%) : สูญเสียความเรียบ ความใสของผิว
หลังทำ Derma Glow Treatment แล้ว ผิวจะคืนความเรียบ ความใส (แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างน้อย 2 ครั้ง ผิวจะคืนสู่ปกติภายใน 4 สัปดาห์)
รายละเอียดเพิ่มเติม Derma Glow Treatment
4.3 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้าส่วนกลาง Middle
ผิดปกติ ระดับที่ 3 (51-75%) : สูญเสียความผ่องใส ความนุ่ม ชุ่มชื้น
หลังทำ Derma Radiance Treatment แล้ว ผิวจะคืนความผ่องใส ผิวนุ่มชุ่มชื้น ผิวไม่หยาบกร้าน (แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างน้อย 3 ครั้ง ผิวจะกลับคืนสู่ปกติภายใน 6 สัปดาห์) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรเฉพาะ Aloe SEB ร่วมด้วย
ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง
4.4 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้าส่วนล่าง Lower
ผิดปกติ ระดับที่ 4 (76-100%) : สูญเสียความเปล่งปลั่ง เรียบลื่น
หลังทำ Intensive Derma Radiance Treatment แล้ว จะช่วยคืนความเปล่งปลั่ง ผิวมีน้ำมีนวล และเรียบลื่นขึ้น (แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างน้อย 3 ครั้ง ผิวจะกลับคืนสู่ปกติภายใน 8 สัปดาห์) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรเฉพาะ Atop Facial, Atop Body, Aloe SEB และ Eazi Zoria Cream
ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง
4.5 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้าส่วนล่าง และเซลล์ผิวมีความผิดปกติ Lower Para
ผิดปกติ ระดับที่ 5 (76-100%) : สูญเสียความนุ่มเนียบใส เปล่งประกาย
หลังทำ Intensive Derma Glow Treatment แล้ว จะช่วยคืนความเรียบเนียนนุ่ม ใส เปล่งประกายมีออร่า (แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างน้อย 3 ครั้ง ผิวจะกลับคืนสู่ปกติภายใน 8 สัปดาห์) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรเฉพาะ Atop Facial, Atop Body, Eazi Zoria Cream
ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง
5. ผิวสวยเรียบเนียนใสตรวจสอบได้
5.1 วิธีการตรวจสอบ
เป็นการตรวจผิวหนังกำพร้าทุกชั้น (ชั้นบน, ชั้นกลาง และชั้นล่าง) หลังจากตรวจสอบ หากพบว่าทุกชั้นปกติจะระบุผลออกมาว่า Normal ถ้ามีความผิดปกติจะระบุว่าผิวมีความผิดปกติที่ชั้นใด แบบใด พร้อมการแปลผล และเสนอวิธีการรแก้ไขผิวด้วยทรีทเม้นท์ที่มีความจำเพาะกับลักษณะของปัญหา
การตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของผิวหนังกำพร้าด้วย Smooth and Soft Skin Test หรือ Triple S Test ของราชเทวีคลินิก เป็นการใช้นวัตกรรม Digital Microscope ผลการตรวจประเมินจะช่วยระบุถึงการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ผิวหนังกำพร้า ที่เป็นต้นเหตุหรือต้นตอของการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติว่าเกิดขึ้นที่ชั้นใด นอกเหนือจากการดูและการสัมผัส เช่น ผิวอักเสบ ผิวภูมิแพ้ ผิวไม่ผ่องใส ดูคล้ำ หม่นหมอง สัมผัสแล้วไม่เนียน หยาบกระด้าง เป็นขุย เป็นต้น ซึ่งการตรวจหาความสมบูรณ์ของผิวหนังกำพร้าจะช่วยให้เราสามารถแก้ไขและรักษาได้อย่างเหมาะสมตรงจุดของปัญหาก่อนที่ผิวจะเสีย
5.2 ความถี่ของการตรวจสอบ
สำหรับคนทั่วไป ควรมีการตรวจสอบการทำงานของผิวชั้นหนังกำพร้าเป็นระยะทุก 4 สัปดาห์ และตรวจสอบซ้ำภายหลังจากทราบผลตรวจผิวแล้วตามปัญหาผิว
ผู้ที่มีผิวภูมิแพ้ (ภูมิไวเกิน) Atopic Skin คนที่มีผิวภูมิแพ้ หรือ Atopic Skin คือ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ มักจะถูกกระทบได้จากกความชื้นและอุณหภูมิ ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาผิวลักษณะนี้ควรมีการตรวจสอบการทำงานของผิวทุกช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนฤดูกาล
ผู้ที่มีผิวแปรปรวนตามฤดูกาล Seborrhea Skin ในทุกๆ ปีจะมีช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์แผ่รังสี UVB ที่มีความเข้มข้นน้อย มีผลกระทบกับผู้ที่มีผิวแปรปรวนด้วยเสมอ เช่น ช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม ดังนั้นผู้ที่มีผิวแปรปรวนตามฤดูกาล ตามเวลาดังกล่าว ควรมีการตรวจสอบการทำงานนของชั้นผิวหนังอย่างต่อเนื่อง (ประมาณทุก 4 สัปดาห์)
คลิกที่นี่เพื่อตรวจเช็คผิวภูมิแพ้