ปัญหาความไม่เข้าใจเกี่ยวกับกันแดดจะหมดไป หากคุณอยากมีผิวขาวผ่องใส ไร้รอยหมองคล้ำปราศจากริ้วรอย สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือการหลบเลี่ยงแสงแดด และการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม code blocker และ code booster ควบคู่กันไป เรามาทำความเข้าใจกับคำต่างๆ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดด ในการบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดกันสักนิด
• ค่า SPF (Sun Protection Factor) เป็นตัวเลขที่ใช้กันอย่างสากล ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดด ในการป้องกันอาการแดงจากการโดนแสงยูวีบี (sunburn) ได้นานเป็นกี่เท่าของผิวที่ไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์กันแดด เช่น สมมุติว่าถ้าไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์กันแดด แล้วออกไปถูกแสงแดดเป็นเวลา 20 นาที จึงเริ่มมีผื่นแดง มีอาการของผิวไหม้แดด หากทาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 15 จะปกป้องได้ 15 เท่า คือ นาน 5 ชั่วโมง จึงจะเริ่มไหม้แดด โดยทั่วไปในคนไทยมักแนะนำให้ใช้ไม่ต่ำกว่า SPF 30• PA (Protection Factor for UVA) เป็นค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดด ในการป้องกันรังสี UVA เป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงของรงควัตถุในผิว Skin pigmentation หรือวัดความดำของผิวที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากสัมผัสกับ UVAระดับที่ 1 PFA อยู่ระหว่าง 2-4 หรือ PA+ คือ ป้องกัน UVA ได้บ้าง (Protection against) ระดับที่ 2 PFA อยู่ระหว่าง 4-8 หรือ PA++ คือ ป้องกัน UVA ได้ดีพอควร (Considerable Protection) ระดับที่ 3 PFA 8 ขึ้นไป หรือ PA+++ คือ ป้องกัน UVA ได้ดีที่สุด (Greatest protection)
• RPF (Refection Protection Factor) คือการวัดประสิทธิภาพสารกันแดดที่ออกฤทธิ์สะท้อนแสง ค่ายิ่งมากก็ยิ่งสะท้อนแสงได้มาก
เมื่อรู้ถึงค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดดแล้ว จะทาผลิตภัณฑ์อย่างไรให้ได้ผลสูงสุด
ตอนนี้คุณคงจะรู้จักประสิทธิภาพต่างๆ ของผลิตภัณฑ์กันแดด และสามารถใช้ได้อย่างถูกวิธีกันแล้ว เมื่อทราบแล้วก็ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ เพราะคนเราโดยทั่วไปจะทราบถึงผลิตภัณฑ์และวิธีการใช้ แต่ไม่ให้ความสำคัญของการปกป้อง (Protection) อย่างแท้จริง เมื่อผิวสวยของคุณสูญเสียดุลยภาพของเซลล์ผิว (Loss of Homeostasis) จนเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา เช่น ฝ้า ริ้วรอย แล้วจึงค่อยมารักษา ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เพราะฉะนั้นควรป้องกันหรือคุ้มครองดุลยภาพของเซลล์ผิวไว้ก่อน จะดีกว่ามาแก้ไขในภายหลังค่ะ!!!
โดย ฝ่ายสนับสนุนงานพัฒนาสุขภาพ
4