สิว Acne Vulgaris
วันที่ 22 ธ.ค. 2553
| โดย
Redlab User
สิว เป็นโรคของต่อมไขมันที่พบบ่อยในช่วงวัยรุ่น แต่ก็สามารถพบได้ตั้งแต่แรกเกิด (Acne neonatorum) ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมน (androgen) และในบางรายอาจเป็นสิวได้นานถึงอายุ 30 ปี หรือมากกว่า โดยส่วนใหญ่จะพบสิวเมื่ออายุ 14-17 ปีในผู้หญิง และอายุ 16-19 ปี ในผู้ชาย และมักหายไปในช่วงอายุ 20-25 ปี
- เกิดจากการอุดตันที่เกิดขึ้นบริเวณท่อของต่อมไขมัน ไขมันที่ถูกสร้างขึ้นจะรวมตัวกับเซลชั้นขี้ไคลจากผนังท่อ กลายเป็นก้อน คอมีโดน (COMEDONE) ทำให้เกิดการอักเสบตามมา
- เมื่อมีการอุดตันเกิดขึ้น จะพบว่ามีการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย (P.acnes) ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้ จะสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทำให้กลายเป็นสิวอักเสบ
- ฮอร์โมน จะมีส่วนทำให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ และกระตุ้นให้ต่อมไขมัน สร้างไขมันออกมามากขึ้น
ลักษณะอาการ
ตำแหน่งที่พบว่าเป็นสิวมากที่สุด คือ บริเวณ ใบหน้า รองลงมา คือ บริเวณหลัง, หน้าอก และ ไหล่ สามารถแบ่งแยกลักษณะของสิวเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.
สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory comedones) แบ่งออกเป็น
- สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ (Open comedones หรือ Black head comedones) เป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก และมีจุดดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งสารสีดำเหล่านี้จะประกอบไปด้วย ไขมัน, เคอราติน, และแบคทีเรีย (Propionibacterium acnes)
- สิวหัวปิด หรือ สิวหัวขาว (Closed comedones หรือ White head comedones) เป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก สีเดียวกับผิวหนัง ส่วนใหญ่จะกลายเป็นสิวอักเสบ
2.
สิวอักเสบ มีหลายลักษณะ เช่น
- ตุ่มนูนแดง
- ตุ่มหนอง
- ก้อนบวมแดงใต้ผิวหนัง
- ถุงหนอง หรือ ฝี เวลาหายจะมีโอกาสเป็นแผลเป็นได้ง่าย
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว
- พันธุกรรม ยังไม่มีข้อมูลสรุปแน่ชัดว่าพันธุกรรมเกี่ยวกับการเป็นสิว แต่พบว่าในฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน แฝดที่เป็นสิวจะมีคู่แฝดที่เป็นสิวเช่นเดียวกันถึงร้อยละ 97.9 แต่ในแฝดไข่คนละใบมีเพียงร้อยละ 45.8 ของคู่แฝดที่เป็นสิวเช่นเดียวกัน
- ยาบางชนิด เช่น ยาทาแก้แพ้แก้คัน ที่มีสารประเภทสเตียรอยด์ หรือ การได้รับฮอร์โมน
- เครื่องสำอาง เช่น โฟมล้างหน้า, สบู่ยา, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เพราะสารเคมีที่ผสมในเครื่องสำอาง อาจกระตุ้นให้เกิดคอมีโดนได้
- ความเครียด
- การรบกวนผิวมากๆ เช่น การเช็ดถูหน้าแรงๆ, การขัดหรือนวดหน้า
- อาหาร ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าอาหารมีผลต่อการเกิดสิว
1. ลดการอักเสบให้เร็วที่สุด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็น
2. ลดการอุดตัน เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นสิวอักเสบ
3. ป้องกันการเกิดสิวใหม่
ยารักษาสิวยาทา ได้แก่ ยาละลายคอมีโดน, ยาปฏิชีวนะ
- กรดวิตามินเอ มีฤทธิ์ทำให้คอมีโดนหลุดออก และป้องกันการเกิดใหม่ ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ อาการระคายเคือง หน้าแดง แสบ และ แห้ง ในบางรายอาจเกิดการแพ้แสงแดดได้
- เบนโซอิน เพอรอกไซด์มีฤทธิ์ลดจำนวนแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ หน้าแห้งเป็นขุย, แสบ, หน้าแดง
- กรดซาลิซาลิก ละลายคอมีโดน แต่ไม่มีผลต่อเชื้อแบคทีเรีย
- ยาปฏิชีวนะ ชนิดทา มีหลายชนิด ออกฤทธิ์ลดจำนวนแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ
ยารับประทาน โดยทั่วไปจะใช้ยา เพื่อลดการอักเสบของสิว โดยจะใช้ชนิดใดจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวในผู้ป่วยแต่ละราย ในรายที่ไม่ได้ผล หรือมีการอักเสบรุนแรง อาจจะใช้ยาชนิดอื่นได้ เช่น ยากรดวิตามินเอ หรือ ฮอร์โมนบางชนิด เพื่อให้ผลในการรักษาดีที่สุด
วิธีอื่นๆ
- การกดสิว ควรใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และใช้ได้กับสิวที่ไม่อักเสบ ชนิดหัวดำ หรือ หัวขาว
- สำหรับสิวอุดตันหัวปิด อาจใช้ปลายเข็มฉีดยา หรือเครื่องจี้ไฟฟ้าเปิดหัวสิว แล้วจึงกดออก
- การฉีดยาเข้าไปในหัวสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ จะช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น
โรคนี้มักจะไม่หายขาด เพราะมีปัจจัยทั้งภายใน และภายนอก สามารถกระตุ้นให้เกิดได้ แต่ก็สามารถควบคุมได้โดยการดูแลรักษา หลีกเลี่ยงการรบกวนผิว เช่น การขัด นวดหน้า ถูหน้าแรงๆ หรือ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจมีสารกระตุ้นให้เกิดสิว รวมถึงไม่บีบสิว หรือแกะสิว เพราะจะทำให้การอักเสบลุกลาม เป็นรอยแผลเป็นมากขึ้นได้
ในกรณีที่เป็นสิวง่าย ควรจะทายาละลายการอุดตันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่
TAGS:
สิว,acne,Vulgaris,สิวอักเสบ,ตุ่ม,สิวหัวเปิด,สิวหัวดำ,หน้าเป็นสิว,สิวหนอง