รอยแตกลาย Striae Distensae
วันที่ 22 ธ.ค. 2553 | โดย Redlab User



รอยแตกลายที่ผิวหนัง พบได้บ่อยบริเวณ หน้าท้อง, ต้นขา, และสะโพก เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็น ริ้วสีแดงๆ ต่อมาสีจะออกม่วง และในที่สุดจะกลายเป็นริ้วสีขาวๆ โดยที่ไม่พบอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย


ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับรอยแตกลาย

  • รอยแตกลายมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของการสร้างฮอร์โมน Glucocorticoids โดยต่อมหมวกไต (Adrenal Glands)
     
  • เชื่อว่ารอยแตกลาย มีความสัมพันธ์กับความชอกช้ำจากการเล่นกีฬาที่เกี่ยวกับการใช้น้ำหนัก (Weight training) และแรงดึง Stressful ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ (Physiologic) ต่อเนื้อเยื่อชั้นหนังแท้ (Dermal Connective Tissue) มีข้อมูลพบว่า 70% ของวัยรุ่นหญิง และ 40% ของวัยรุ่นชายที่เล่นกีฬาประเภทนี้ พบว่ามีรอยแตกลาย แต่บางทีอาจจะเป็นผลของฮอร์โมน Endogenous Corticosteroids ต่อเนื้อเยื่อชั้นหนังแท้ (Dermal Connective Tissue) โดยเฉพาะ Elastic Tissue ก็ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลตัวเลขที่สรุป และสนับสนุนที่ชัดเจน
     
  • ในกลุ่มวัยรุ่น 35% ในวัยรุ่นหญิง และ 15% ในวัยรุ่นชาย มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน 17-Kerosteroid
     
  • การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
     
  • ความอ้วน (Obesity) พบมีการเพิ่มขึ้นของการทำงานระบบ Adrenocortical ภายในร่างกาย ตามมาเมื่อน้ำหนักลดลง ระดับฮอร์โมน Glucocorticoids จะกลับมาสู่ปกติ


ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ได้ผลดีแน่นอน

ผลตรวจชิ้นเนื้อพบว่ามีความบางลงของชั้นหนังแท้ (dermis) และพบมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อภายในชั้นหนังแท้ (Dermal Connective Tissue) โดยเฉพาะ Collagen และ Elastin ด้วย และรอยแตกลายจะคงอยู่ตลอดไป แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใด




ยังไม่มีวิธีป้องกันใดที่ได้ผลแน่นอน

ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
คัดลอกแล้ว
จาก 0 คน
VIEWS
19150
TAGS: