รอบรู้เรื่องกาแฟสาวกกาแฟห้ามพลาด
วันที่ 24 พ.ค. 2554 | โดย RCSkinClinic Administrator

                                   
กาแฟเป็นเครื่องดื่มชนิดที่มีสารกระตุ้นยอดนิยมของโลก ชาวอเมริกัน 4 ใน 5 คน ชอบทานกาแฟ ดื่มรวมกัน 400 ร้อยล้านถ้วยต่อวัน กาแฟ จึงเป็นสินค้ามูลค่าอันดับสองของตลาดการค้าแพ้ก็แค่อุตสาหกรรมน้ำมันเท่านั้น เป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลเช่นเดียวกันกับ บุหรี่(ยาสูบ) และฝิ่นในอดีต
                                                                
สำหรับหัวข้อนี้คอกาแฟอย่างเพิ่งข้ามไปนะครับลองอ่านเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไว้เสียหน่อย รับรองด้วยเกียรติว่ากินเวลาน้อยกว่าการทานกาแฟหอมๆหนึ่งแก้วอย่างแน่นอน (ผมก็ชอบทานแต่เดี๋ยวนี้ก็นานๆ ครั้ง) กาแฟจัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทำงานไปซะแล้ว แทบจะทุกออฟฟิศจะต้องมีกาแฟไว้รองรับ คอกาแฟ ประจำบริษัท และด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนสมัยนี้ กาแฟจึงกลายเป็นอาหารเช้าของใครหลายๆ คน
 
กาแฟมีผลดีหลายสิ่งซึ่งผมว่าเหล่าคอกาแฟคงทราบกันดีว่ามีอะไรบ้าง แต่ทุกคนคงรู้จักสารตัวหนึ่งชื่อ “คาเฟอีน” ที่อยู่ในกาแฟกันใช่ไหม ผมไม่ได้จะพูดแค่กาแฟอย่างเดียวนะครับ เครื่องดื่มทุกชนิดที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก็รวมด้วย

กลไกการเสพติดของคาเฟอีน
เกิดจากฤทธิ์กระตุ้นสมองกลไกเดียวกับยาบ้า (Amphetamines) โคเคน (cocaine) และเฮโรอีน (heroin) หากนำมาเปรียบเทียบกันพบว่าคาเฟอีนมีฤทธิ์เสพติดน้อยกว่ายาบ้า โคเคน และเฮโรอีนมาก ผู้ที่ติดคาเฟอีนจะมีอาการของการเสพติด รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่มีเรี่ยวมีแรง หากไม่ได้รับหรือบริโภคเข้าไป และมีความต้องการที่จะเสพอีกอย่างมาก

การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณน้อยจะทำให้รู้สึก มีความตื่นตัว ความคิดฉับไว ไม่ง่วงนอน กระปรี้กระเปร่า รู้สึกมีพลังทำงานได้ทนทานและนานยิ่งขึ้น คาเฟอีนกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีนและโดปามีนฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน (Adrenaline) ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ใจสั่น ความดันโลหิตสูง
ตับเร่งผลิตน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด กล้ามเนื้อตึงตัวพร้อมทำงาน ทำให้เหมือนเป็นยาชูกำลัง การบริโภคคาเฟอีนมีผลทำให้หัวใจเต้นช้าลงเล็กน้อยในชั่วโมงแรก และกลับเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยในชั่วโมงที่ 2 และ 3 ความดันโลหิตจะเพิ่มประมาณ 5-10 มิลลิเมตรปรอท และเพิ่มขึ้นนานประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วอาการดังกล่าวจะหายไป ส่วนฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งโดปามีน (Dopamine) ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ สุขลึกๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสพติดคาเฟอีน ทั้งฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีนและโดปามีนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง




คาเฟอีนยังเป็นสารที่กระตุ้นให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะหรือลำไส้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแม้ว่าคาเฟอีนไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง ของโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แต่ถ้าบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไป ในขณะที่มีแผลในกระเพาะอาหารอยู่ อาการโรคกระเพาะจะรุนแรงมากขึ้น

การกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งด้วย ‘คาเฟอีน’ นั้นไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะท่านใดทานกาแฟตอนเช้าไม่ทานข้าว(มักมีเหตุผลสนับสนุนเสมอๆ) เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้าน้ำย่อยของเราหายก็ไปเสียแล้วด้วยคาเฟอีนทำให้รู้สึกไม่หิว แถมพลังงานสำรองของเราก็ถูกคาเฟอีนกระตุ้นไปใช้ ทุกวันอีก แล้วร่างกายจะไม่อ่อนเพลียได้อย่างไรครับ ก็ต้องทานกาแฟแบบแก้วต่อแก้ว อ่อนเพลีย มึน ง่วงตลอดเวลา

ร่างกายขาดสารอาหารมากว่าสิบชั่วโมง(ประมาณสองสามทุ่ม – เจ็ดโมงเช้า) ในช่วงเวลานอนและก่อนนอน ต้องการสารอาหารจากอาหารเช้าเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นพลังงานในวันใหม่ แต่เราทดแทนอาหารเช้ามื้อนั้นด้วย “สารเสพติด”  ถ้าท่านเห็นคนอื่นหิวข้าว คงไม่ยื่นกาแฟให้ทานแทนนะครับ ดังนั้นก็อย่าทำแบบนี้กับร่างกายตัวเองเลย มันจะบ่นได้ว่า ใจร้ายจัง

ผู้ที่ทานกาแฟจะมีปัญหากับการปัสสาวะบ่อย และการนอนหลับซึ่งอวัยวะที่บ่งบอกได้ว่า เราจะนอนหลับได้ดีหรือไม่ก็คือ “ถุงน้ำดี”  ใครที่มีปัญหาตามเส้นทางของเส้นลมปราณถุงน้ำดีนี้จะมีอาการเจ็บจุดสลักเพชร (บริเวณแก้มก้นด้านข้าง) ร้าวลงมาทางขาด้านข้างถึงเหนือตาตุ่ม คล้ายกับอาการของกระดูกทับเส้น เดินเหินลำบากเพราะเจ็บแก้มก้น ลองงดกาแฟ นอนก่อนห้าทุ่ม (เวลาของเส้นลมปราณถุงน้ำดี) ให้ได้ก็จะมีอาการดีขึ้น



ข้อมูลจาก :ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

 

คัดลอกแล้ว
จาก 2 คน
VIEWS
9545
TAGS: