แสงแดดนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดโทษต่อผิวพรรณได้เช่นกัน ในแสงแดดจะมีรังสีอุลตร้าไวโอเลต ซึ่งมีทั้งยูวีเอ และยูวีบี แต่ละคลื่นจะถูกกั้นโดยชั้นโอโซนในบรรยากาศ แสงแดดที่ตกมากระทบพื้นโลกนั้น จะเป็นยูวีบี ประมาณ 20% และยูวีเอประมาณ 80% โดยยูวีเอ นั้นเป็นภัยร้ายที่ทำให้ปัญหาริ้วรอย ความแก่หรือ Aging เกิดกระ เกิดฝ้า ส่วนยูวีบี นอกจากเกิดกระ ฝ้าแล้ว ยังทำให้เกิดผิวไหม้แดดหรือ sunburn ได้ด้วย

จากรายงานการวิจัยพบว่า 80% ของสภาวะผิวแก่หรือผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยนั้นเกิดจากแสงแดดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะแสงแดดจะทำให้เนื้อเยื่อคอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับผิว และเนื้อเยื่ออีลาสตินซึ่งให้ความยืดหยุ่นนั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น จึงเกิดภาวะหย่อนยานและริ้วรอยเล็กๆ ต่อมาก็ปรากฏให้เห็นเป็นรอยหยาบและใหญ่เกิดเป็นร่อง นอกจากนี้แสงแดดยังทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนังได้อีกด้วย และการตากแดดเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดผิวไหม้แดดได้

การไหม้แดดจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน โดยมีการแบ่งระดับตั้งแต่ 1-6 ตัวเลขยิ่งน้อยหมายถึงผิวขาวมาก จะยิ่งไหม้เร็ว ผิวคนเอเชียทั่วไปอยู่ที่ระดับ 3-4 แต่ถ้าเป็นขาวมากๆ จะอยู่ที่ระดับ 2 คือถ้าถูกแดดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 15 นาทีไปจนถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็เริ่มไหม้แล้ว โดยหากเป็นน้อย จะมีอาการเพียงแค่คัน แสบแดง มีการอักเสบของผิวเล็กน้อย จึงควรดื่มน้ำมากๆ แล้วทาด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้หรืออะโลเวร่าช่วย แต่หากรู้สึกปวดแสบปวดร้อน และมีอาการบวมแดงร่วมด้วย เมื่อทาครีมอะโลเวร่าแล้วให้ใช้น้ำมันมะกอกหรือพวกออยส์ทาทับทาต่อเนื่องไป 1-2 อาทิตย์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและลดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนัง แต่หากเป็นแผลพุพอง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงแสงแดด ตามตำราบอกว่า 10 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง แต่ปัจจุบันแดดแรงมาก จึงขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่ 9.00 น. - 16.00 น. จะดีกว่า และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณครึ่งชั่วโมง ครีมกันแดดเลือกที่มีค่า SPF 30 และ PA ++ ขึ้นไปและเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเล่นกีฬาหรือมีกิจกรรมกลางแจ้งหรือมีเหงื่อมากควรทาซ้ำระหว่างวันด้วยเป็นดีที่สุดค่ะ

เนื้อหาโดย ฝ่ายสนับสนุนงานพัฒนาสุขภาพ